วันนี้ไปมหาวิทยาลัยเช้ามาก ไป scan นิ้วก่อนเพราะจะต้องเอาเจ้า Yiching ไปหาสัตวแพทย์ ไปถึงพ้นหน้าศาลแขวง เห็นยายคนหนึ่งเข็นรถเข็นไม้ ตัวก้มงอเพราะยายหลังโกง และขายายโก่งมาก เวลาเดินเลยค่อนข้างลำบาก รถเราผ่านไปเร็วจึงเห็นแวบเดีนวว่าในรถเข็นมีอะไรบางอย่างที่ยายต้องเข็น เราเอะใจแต่คิดว่าคงไม่ไช่ ก็ผ่านไป ออกจากมหาวิทยาลัยใช้เส้นทางเดิม รถติดไฟแดงเปลี่ยนเขียวพอดี เจอยายอีกครั้งมองออกไปเห็นภาพที่เศร้ามาก ที่เราเข้าใจไม่ผิดคือยายเข็นของจริงๆ แต่ที่ยายเข็นคือเด็กผู้ชายที่อายุน่าจะเกิน 10 ขวบแล้ว รูปร่างปกตินั่งขัดสมาธิด้านหน้าสุดของรถเข็น ใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อย ยายกำลังออกแรงอย่างมากเพื่อเข็นรถที่มีเด็กนี้นั่งเพราะยายกำลังเข็นเพื่อเลี้ยวขึ้นบนรอยต่อถนนอีกสายที่สูงกว่าก็เลยต้องออกแรงดัน เห็นแล้วสงสารมาก แต่หันมองหน้าเด็กที่หันไปมองยายด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวดสีหน้าไม่พอใจที่ยายเข็นช้าหรือเข็นไม่ขึ้นเสียที หรืออะไรก็ตามแต่ เห็นแล้วเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ ถ้าไม่ติดว่ามีรถต่อท้ายและไฟเขียวแล้ว จะลงไปช่วยเข็นจริงๆ และจะถามเด็กว่าพิการหรือเปล่า (เพราะมั่นใจว่าเด็กปกติ และหน้าตาดีด้วย) เลยหมายมั่นปั้นมือว่าพรุ่งนี้จะไปเช้าเพื่อรอยายที่น่าจะเข็นเด็กมาโรงเรียนอีก จะถ่ายรูปไว้ แล้วจะไปถามยายและเด็ก ขอยุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อยเถอะ อยากรู้ว่าเด็กนั่นเป็นหลานยาย หรือยายรับจ้างพาเด็กมาโรงเรียน ?? แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรก็รับไม่ได้เพราะแทนที่เด็กโตนั่นจะลงจากรถเข็นมาช่วยยายเข็นรถขึ้นที่ชัน กลับหันมาแสดงอาการไม่พอใจและคงพูดอะไรก่อนหน้านั้น ..เราคงจะทำอะไรบางอย่างดูเหตุการณ์ก่อน...สังคมเป็นแบบนี้แล้วหรือ ??
เอาภาพมาเพิ่ม ทิ้งไว้นานลืมไปเลย...จนเห็นมีผู้เข้ามาอ่าน ลองดูภาพ
ภาพนี้ถ่ายขณะรถแล่นอยู่เห็นปุ๊ปสะกิดใจมาก เลยไปจอดรอข้างหน้าเพื่อเก็บภาพจึงได้ภาพบน ปรากฎว่ายายไม่เลี้ยวกลับเข็นรถเข็นเลยไปทางถนนหลัก แต่เป็นทางชันขึ้นเล็กน้อย และเป็นทางแยกไฟแดง ยายก็ต้องรีบเข็นกลัวไฟเขียว (ภาพล่าง)
ล่าง ยายเข็นถึงทางเข้าโรงเรียนด้านหน้า วางพักรถเข็นเพื่อให้หลานชายตัวโตลง ยายนั่งพักเหนื่อย หลานสะพายกระเป๋าแล้วเดินเข้าโรงเรียนเลย ไม่มีการแสดงความขอบคุณหรือยกมือไหว้ยาย