วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปากพนัง2: เส้นทางหัวไทร-ปากพนัง

ความเดิมจากตอนที่แล้ว  http://meepolen.blogspot.com/2011/12/4-dec.html  หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็มีรูปจากช่องข่าวที่ถ่ายมาให้เห็นว่าน้ำทะเลส่งคลื่นมาถล่มชาวตะลุมพุกอีกแล้ว ตรงบริเวณที่เราเข้าไปกัน และคราวนี้มีคำตอบที่วันก่อนที่ไปแล้วสงสัยว่าหัวเสาทั้งหลายมันหล่นลงมาได้อย่างไรเพราะคืดว่าหนักแล้ว เห็นภาพในข่าวของจริงจึงรู้แจ้งว่าน้ำที่ซัดเข้ามานั้นสูงเกินเสาไฟฟ้าเสียอีก ไม่หน้าเชื่อ นี่ขนาดไม่ไช่สึนามิ หรือใต้ฝุ่นอะไร เป็นเพียงมรสุมน้ำยังซัดได้สูงและแรงมากขนาดนั้น

บน เอาแผนที่ดาวเทียมแสดงแหลมตะลุมพุกมาไว้ที่นี่ด้วย ตรงปลายงอนๆนั่นปลายแหลม วันนั้นเราได้เลียบชายฝั่งช่วงสั้นๆแล้วกลับออกมาเพราะถนนไม่น่าไว้ใจ เส้นทางเลียบชายฝั่งเขาเขียนบอกว่า 6,000 เมตร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เขียนเป็นหน่วยกิโลเมตร เลยเดากันว่า หน่วยเมตรคงดีกว่าเพราะดูแล้วไกลดี หุ หุ

บน-ล่าง ตรงนี้ทั้งหมดที่เห็นเป็นแผ่นน้ำ อดีตเป็นพื้นดินทราย และเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งของชาวบ้าน ยังคงเห็นแนวคันดินที่ยื่นลงไปในหาด




บน-ล่าง รถผ่านมองไปเห็นตึกร้างหลังนี้ เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่าในอตีตไม่นานมานี่เองตรงนั้นเคยเป็นผืนดินมาก่อน คนเลยมาสร้างบ้าน แต่ตอนนี้น้ำล้นพ้นกัดเซาะมาหมดแล้ว

แนวที่พระอาจารย์ยืนดูก็เป็นแนวถนนมาก่อนจะเห็นเสาไฟฟ้าที่ยืนโด่เด่เหลือเป็นที่เตือนความจำเท่านั้นเองว่าตรงนั้นเคยเป็นผืนดิน มีแนวถนน แต่ตอนนี้น้ำกัดเซาะขึ้นมาหมดแล้ว
บนล่าง นี่เป็นส่วนของเขื่อน ที่สร้างกันดินตรงปากน้ำ(ต่อมาจากหูช้างของประตูน้ำที่อยู่คนละข้างของสะพาน) แต่ตอนนี้จมหมดแล้ว

ล่าง เป็นประตูน้ำตรงข้ามฝั่งสะพานกับแนวปากที่พังไปรูปบน



บน-ล่าง เป็นส่วนที่รัฐพยายามต่อสู้กับภัยธรรมชาติสร้างกำแพงเสาปูนกันการกัดเซาะ แต่ก็ได้ชั่วคราว คงเห็นหัวเสาแนวบนหักหล่นลงมาเป็นช่วงๆ บางบริเวณก็หายไปเลย เพราะสู้แรงน้ำไม่ไหว

ล่าง อีกหนึ่งความพยายามคือการสร้างแนวทีที่เป็นสันหินขวางแนวคลื่นเป็นช่วงๆ


ภาพบนนี้จากinternet เอามาให้ดูความพยายามของคนที่จะต่อสู้ป้องกัน ทั้งๆที่หากเริ่มต้นด้วยการดูแลรักษาธรรมชาติ ลดความเห็นแก่ได้ส่วนตัวเห็นแก่ประโยชน์แผ่นดิน สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น


แนวไม้ข้างหน้าที่เห็นนั่นเป็นส่วนที่น้ำไม่กัดเซาะ เพราะป่าช่วยกั้นยึดทุกอย่างไว้ได้แต่ความเห็นแก่ตัวของคนก็ทำลายมันไป
แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้น หลังจากกลับมาเราก็หาข้อมูลอ่าน สรุปได้ว่าไม่มีใครเอาชนะกฎแห่งกรรมได้ หรือหนีพ้น ทำร้ายธรรมชาติ สักวันหนึ่งเขาถึงขีดสุดของการทนทาน เขาย้อนกลับมาทำร้ายคนด้วยความไม่ตั้งใจแต่มันเป็นเพราะผลที่เราทำ คือ การทำลายป่าชายเลนจนหมดเป็นบริเวณเพื่อทำนากุ้ง บริเวณยังที่มีต้นไม้มากมายแนวดินยังอยู่น้ำไม่เซาะเข้ามา รัฐไม่เอาใจใส่บังคับกฎหมาย ละเลยทั้งสองฝ่าย ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากแล้ว นากุ้งมากมายสองข้างถนน ด้านที่น้ำเซาะยังมีเหลืออยู่ไม่มาก อีกไม่นานน้ำก็จะมาถล่ม อีกไม่นานปากพนังบริเวณนี้ก็จะเหมือนที่ขุนสมุทรจีน สมุทรปราการนั่นเอง