วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

30 Nov:


เมื่อวานไม่ได้เขียนบันทึกเพราะเขียนไม่รอด คาดว่าอาหารเป็นพิษ นั่งคิดๆๆๆๆว่ามีอะไรที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ อาการเริ่มเป็นช่วงบ่ายหลังอาหารเที่ยง แต่เที่ยงทานพร้อมสามีเขาไม่เป็น เพราะเที่ยงมีแต่ผัดผัก ไม่มีเนื้อเป็นมังสวิรัติไปเลย เลยคิดถอยไปถึงตอนเช้าหาตัวร่วม หักออกปรากฎว่าเหลือที่เขาไม่ทานคือหอยลาย ปกติตอนเช้าไม่ทานหนักอยู่แล้ว วันนี้เป็นเพราะมีคนเอามาให้ เลยทานคนเดียว สรุปไปโทษหอยลาย อาจมีเชื้ออะไร หรือพิษตกค้าง อาการตอนบ่ายแก่ๆคือเป็นไข้อ่อนๆ ปากจืดๆ เมื่อยตัวเบาๆ เหมือนเริ่มเป็นหวัด ตอนแรกนึกว่าเป็นหวัด พอเริ่มถ่ายท้องสองครั้งก็สรุปเลยว่าอาหารเป็นพิษ เลยรีบทานถ่าน 2 ครั้ง เป็นไข้ก็ทานไทลีนอล แล้วนอนตั้งแต่หัวค่ำ ปรากฎว่าตอนดึกเจ็บกระเพาะมาก ลงมาทานยาเคลือบกระเพาะ ก็ดีขึ้น วันนี้เพื่อนบ้านโทรมาก็เล่าให้ฟัง เขาก็บอกว่าลืมบอกไปว่ามีออกข่าวช่วงนี้ห้ามกินอาหารพวกหอย เพราะมันไปกินสาหร่ายแดง และมีพิษฯ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง แต่ที่ชัดเจนคือเขาบอกว่าหมอออกมาพูดว่าพิษนี้อันตรายกินไปแล้วจะตายในสองวันถ้าร่างกายต้านไม่ได้ แต่ถ้าต้านได้เกินสองวันจะรอด  อันนี้เรารอดมาวันหนึ่งเต็มๆแล้ว อาการที่เหลือคือเจ็บกระเพาะ ตัวร้อนๆ บวมๆ เบื่ออาหาร อันนี้ดีลดนน.ได้อัตโนมัติ วันนี้ทานม้อเย็นข้าวต้มกับไข่เจียว+ ปลาผัดขิง ตั้งใจทานขิงเพื่อให้กระเพาะทำงานได้ ยังสู้ได้อยู่ไม่ไปหาหมอ รักษาตามอาการ ขอให้รอดผ่านอีกวันนะ หุ หุ

วันนี้mailไปบอกนศ.แล้วว่าพรุ่งนี้ครูลาป่วย เราจะเป็นเช่นนี้เสมอ เรื่องลางานเรื่องเล็กหากป่วยต้องพักผ่อนทันทีไม่ต้องฝืน ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสุขภาพ รักษาให้หายโดยเร็วแล้วจะทำอะไรอีกก็ได้ ป่วยสอนไปก็งงๆทั้งครูและเด็ก

วันนี้ฝากเอกสารให้ somsak

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

My Silent corner (8): Around King’s college- “Lower Marsh market”

ตลาดไกล้ King’ college “LowER Marsh market”


Lower Marsh, South Bank's Market, is a great place to shop, eat and drink.

วันว่างระหว่างรอมหาวิทยาลัยเปิด (หยุด Easter) ก็เดินรอบมหาวิทยาลัยเพื่อหาตลาดหรือที่สำหรับซื้ออาหารมาปรุง  ร้านขนมหรือ...สามีก็เลยพาเดินรอบๆไปตามถนน เจอตลาดชื่อ Lower Marsh market เราเด็กไทยแถวนั้นเรียกชื่อสั้นๆว่า โลว์มาช เป็นตลาดแบบเมืองไทยแปลกใจ ว่ามีตลาดแบบนี้กลาง London ด้วย มีของใช้ในชีวิตประจำวันทุกอย่าง เสื้อผ้า แบบงานวัดก็ว่าได้ วางแบกะดินจริงๆ และมีทั้งที่ตั้งบนแผง รถเข็น และเปิดท้ายรถขายของ ร้านค้าที่มีในย่านนั้น ทั้งร้านอาหารจีน ไทย ร้านตัดเสื้อ ทำผม แต่เราก็รู้สึกแปลกๆกับตึกเก่าๆเล็กๆ โบราณ หลายๆแบบ แต่ละตึกมีสีและรุปแบบที่แปลกแยกกัน ชอบมากก็ร้านขายหนังสือที่มีอักษรสีแดง หรือไม่ก็อักษรดำบนป้ายแดง ที่เขียนว่า Sale มีตั้งแต่ 20-70% ร้านนี้ก็เลยเป็นร้านที่เรามักมาเดินเล่นดูหนังสือแทบทุกสัปดาห์ และตลาดนี้ก็มีผลไม้ขายเยอะที่ไม่เคยรู้จักก็มี ที่แปลกๆก็มี

เดินจากมหาวิทยาลัยประมาณ 15 นาที ผ่าน waterloo stationแล้วเลี้ยวผ่านหน้าร้านหนังสือก่อน ก็เข้าตลาด จริงๆเป็นถนนคนเดินมากกว่าเพราะวางขายเป็นเวลา จะไม่มีของสดแบบหมู ไก่ อาหารทะเลแบบตลาดทั่วไป

ด้านล่างนี่เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับตลาดนี้ บันทึกบนแผ่นป้ายเล็กๆ ซึ่งตั้งบนถนนแถวหน้าตลาดนั่นเอง (ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเมื่อมี lower ย่อมมี upper marsh เช่นกัน แต่ไม่เคยไป)





"So named because it lies on the site of the ancient Lambeth Marsh which first appeared in historical records in 1377.

This historic street has operated as a street market and centre for local shopping since the mid-nineteenth century.
 
In 1984 Lambeth council designated Lower Marsh and it's immediate surroundings a conservation area in recognition of it's special character."           ที่มารูปนี้ : panoramio.com

ตลาดนี้เป็นแบบชั่วคราวพอเย็นก็หายไปหมด ช่วยทำให้เรามีชีวิตที่ผ่อนคลายมากขึ้นในยามเหงา ช่วงแรกๆเราก็มีตลาดนี้ที่เป็นที่ช่วยให้หายเหงาบ้าง กับการเดินไปดูของต่างๆที่อังกฤษ (ลอนดอน)มี  ที่ออกจะขำทุกครั้งคือของใช้ที่มักจะเป็นชิ้นโตๆ ความจุมากๆ เช่นแป้งกระป๋อง ขวดแชมพู น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ

ผลไม้มากมายให้เลือก เราชอบส้มที่นี่มากเพิ่งรู้จักอีกนั่นล่ะ เขาเรียกว่า clementine orange สีส้มทองลูกเล็กไกล้เคียงสายน้ำผึ้งบ้านเรา หวานอมเปรี้ยว รสจัดดี ส่วนมากเขาขายเป็น pack หรือใส่ถุงตาข่ายไว้ประมาณ 6-8 ลูก ก็ประมาณ 2 pounds เศษ

และที่ต้องซื้อประจำแพงบ้างถูกบ้างตามเทศกาลคือ cherry และ ลูกพลัมสดชอบมากขายเป็น pack ก็มี ให้หยิบชั่งก็มี ก็ซื้อครั้งละ 6-8 pounds (1 pound=70 bath) ก็เหมือนกันทั่วโลกกระมังที่มักต้องปนของเสียมาให้ด้วยเสมอ เมืองไทยแพงอยู่ตจว.ก็ไม่เคยมีให้ซื้อกิน (สมัยก่อน เดี๋ยวนี้มีห้างใหญ่ๆ ตจว.เลยได้มีกินแล้ว) และหน่วยราคาที่เห็นต้องดูให้ดีว่าราคาต่ออะไร มีหลากหลายหน่วยนน.เช่นกัน แต่ส่วนมากเราก็หยิบๆใส่ตะกร้าแล้วเขาก็เอาไปคำนวนเอง


อีกอย่างที่ชอบของตลาดนี้คือร้านเล็กๆที่อยู่สองข้างทาง มีสารพัดแบบ แต่เราไม่คุ้นรูปแบบของร้านที่ต่างจากไทย บางทีไม่รู้ว่าใครจะมาเดินซื้อของพวกนั้น แต่ที่เข้าประจำคือร้านหนังสือ ที่มีอยู่เพิ่งรู้ว่านอกจากร้านหนังสือมีชื่อ foyles แล้ว ก็ที่นี่ล่ะที่ขายพวกแมกกาซีนและสารพัดหนังสือแม่บ้าน และพ่อบ้าน หนังสืองานฝีมือ สื่อของเล่นเด็ก  CD เพลง ฯ




จะเห็นว่ามีร้านหลากหลายในบริเวณตลาดนี้








และก็มีร้านอาหารไทยที่เป็นของคนจีนที่ไม่เคยมาไทย ชื่อร้าน Olympic ตอนเห็นครั้งแรก (อุ๊ เป้า พามา) แปลกๆ แต่เขาทำอาหารแบบไทยปนจีน เช่นผัดไทย เป็นแบบหมี่กะทิ ที่เรามากินแทบทุกอาทิตย์คือ หมี่ผัดทะเล ปลาหมึกที่นี่จะเป็นหมึกหนาๆ อร่อยแต่แพงจานละ 4 ปอนด์เศษ  ประมาณ 300 บาท หลังจากนั้นก็รู้จักอาม่าเจ้าของร้าน (อายุประมาณไกล้ 70 เวลาไปแกเห็นก็จะออกมาคุยจีนปนไทย น่ารักดี



รูปซ้าย  เป็นร้านที่ปรับปรุงแล้วหลัง meepole กลับ
รูปขวา  เป็นสภาพร้านที่เห็นจากด้านนอกสมัยก่อน แต่ข้างในเรียบร้อยพอควร มีประมาณ 6 โต๊ะ



ซ้าย  Cooper's Natural foods นี่ก็เป็นอีกร้านที่ขายสารพัดแซนวิช และอาหาร organic มีคนมาต่อคิวยาวเหยียดตลอด ของน่าซื้อมาก ร้านนี้เยื้องๆร้าน olympic เรามาบ่อยช่วงหลังกะ Tas ร้านนี้ไม่มีการนั่งทานข้างใน

ขวา ร้าน Sino Thai อาหารแบบร้านอาหารไทย ราคาก็พอประมาณ เคยไปทานแต่ไม่ค่อยชอบนัก ที่ชอบคือไอศครีมที่แช่เสริฟบนกะลามะพร้าวขนาดเล็กมาก เล็กกว่าฝ่ามือเราเอากลับมาด้วยเพราะเอากลับได้ บางคนเอามาใส่เถ้าบุหรี่ วันหลังจะถ่ายภาพมาใส่ไว้







วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

27 Nov: ไถ่ชีวิตวัว

วัวแม่ลูกที่รอดวันนี้

วันนี้สาย link และเราไปรับขนมที่สั่งไว้ 3 กล่อง แล้วไปรับพระอาจารย์ไปฉันเพลที่ริมตาปี นัดกุ่ยที่เพิ่งมาจากนครฯจะกลับกรุงเทพเลยนัดเจอพาไปทานเที่ยงด้วย บ่ายแยกทางกับกุ่ย เขาเข้ากทม.

บ่าย 4 โมงเย็นพระอาจารย์ คุณละออ บุญสา คุณนิยม link และเรา ไปที่โรงฆ่าวัว เพื่อร่วมบุญกันช่วยไถ่ชีวิตวัว ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงของเรา ตอนแรกตั้งใจจะไปเมื่อวานแต่พระอาจารย์ติดธุระตอนค่ำเลยบอกว่ามาวันนี้ก็ได้ จะได้ไม่รีบ เราได้อธิษฐานในใจว่าขอให้ได้ช่วยวัวแม่ลูกอีกเหมือนปีที่แล้ว เมื่อเช้าก็ตั้งใจไว้เช่นนั้นอีก เมื่อไปถึงโรงฆ่าสัตว์ ก็ให้จนท.ที่จัดการเก่ยวกับการไถ่วัวเข้าไปดู เขาออกมาบอกว่ามีวัวแม่ลูก ลูกตัวเล็กมาก แต่เขาขาย 3 หมื่น ก็เลยบอกว่าเอามาเถอะ และมีอีกตัวสีดำเพศเมีย ก็เอาด้วย เลยได้มา 3 ตัว ปีนี้แพงมากแพงกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ไม่รู้ว่าเขารู้ว่าเราจะมาไถ่เลยโก่งราคาหรือไม่ ไม่เป็นไร บุญเราทำไปแล้วใครทำอะไรก็เป็นเช่นนั้น ปีที่แล้วเราก็ได้ช่วยวัวแม่ลูกเช่นกัน แต่ลูกอายุมากกว่านี้เยอะ

ที่ดีใจมากก็คือข้ออธิษฐานที่ตั้งใจเป็นจริง เห็นลูกวัวแล้วตกใจมาก เป็น baby จริงๆที่เขาเอามาเตรียมฆ่า เดินคลอเคลียแม่วัวตลอด อายุ 2 เดือน กินนมแม่ แม่ก็หวงมากไม่ให้เราเข้าไกล้เดินกันลูกตลอด เห็นแล้วพูดไม่ออก ไม่กล้าคิดว่าเวลาถูกฆ่าแม่ลูกวัวคู่นี้ เขาทำลงคอได้จริงๆนะ  จะมีพิธีมอบเป็นทางการวันที่ 4  ธค.นี้


นี่เป็นอีกตัวที่โชคดี

ร่วมอนุโมทนาบุญได้ค่ะ ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ http://meecorner.blogspot.com/2011/11/blog-post_27.html

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

26 Nov:




เช้าอยู่บ้านฝนตก วันนี้ตกเป้นช่วงๆ เที่ยงเข้าเมือง ตกใจแม่น้ำที่น้ำขึ้นสูงมาก บ้านริมแม่น้ำหลายหลังที่ไม่ได้ยกสูงก็น้ำท่วม หลังบ้านเราเองน้ำก็เข้ามาถึงตอนที่ 1 (3 ตอนจึงจะถึงตัวบ้าน) ตอนที่น้ำท่วมสูงสุดฝนตกติดกันเป็นอาทิตย์ น้ำก็ขึ้นถึงระดับสองเอง ก็ไม่ห่วงนัก

ไปทานหมี่ฮ่องกง เจอศรีศักดิ์ ด้วย มากับเพื่อนหญิงห้าว ก็เลยรู้ว่าเขาลาออกจากงานเดิมแล้ว ตอนนี้ทำสวนยาง ปาล์ม เราเลยเตือนแนะไปว่าอย่าพยายามทำสวนปาล์มเพิ่มอีกมีแค่ใหนก็แค่นั้น ปลูกอย่างอื่นที่อยากปลูกยกเว้นปาล์ม เพราะจะได้อีกไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น

ช่วงนี้ดอกไม้ในภาพ น่าจะชื่อเฮลิโคเนีย ถ้าจำไม่ผิด ออกดอกเยอะมากมีประมาณไม่ต่ำกว่า 40 ช่อ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

25 Nov: ร่วมงานทำบุญอดีตเจ้าอาวาส


วันนี้ที่วัดมีงานทำบุญอดีตเจ้าอาวาส พระเทพรัตนกวี พระเทพสิทธินายก (ลพ.ข้อง) และอดีตเจ้าอาวาสที่มีมา (วัดนี้ตามประวัติว่าตั้งแต่ปี 2450 ) จัดการติดริบบิ้นของถวาย เราถวายตาชั่ง ครอบครัวขาวถวายผ้าเช็ดตัว เจ้าอาวาสถวายผ้าไตร ลพ.วัดพุนพินใต้ชอบ ถามว่าซื้อที่ใหน นิมนต์พระผู้ใหญ่มาสวดถวายสังฆทานด้วย ญาติโยมมากันพอสมควร เพราะงานนี้ทำกันภายในไม่ประกาศ โชดดีมากที่ฝนไม่ตกเลยแดดร่มลมตกตลอด



 ท่านใดที่เข้ามาอ่านโปรดร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันด้วย หรือตามไปอนุโมทนาฉบับเต็มได้ที่...http://meecorner.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

24 Nov:


วันนี้สอนทั้งวันหมดแรง พูดๆๆๆ  เหนื่อยสมองตลอดเลย เพิ่งรู้อีกเช่นกันว่า ถ้าสอนแบบเราไม่พักนี่เราเองก็มึนๆๆๆ เด็กคงมึนเหมือนกัน วันนี้ให้เด็กทำ csae study ศึกษาบทความสวล.ของ Greenpeace
เย็นนี้เราและlinkไปช่วยเขียนข้อความติดที่ข้างตาชั่งลายของ Disney น่ารักเชียว ไว้ถวายพระพรุ่งนี้ ล้างปิ่นโตถวายเพลด้วย ให้คนขับรถมารับพาไปตระเวนซื้อของ ขี้เกียจขับเองในเมืองตอนนี้เสียเวลามาก รถเยอะจริงๆ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

23 Nov: ททท (ที่ไม่ไช่การท่องเที่ยว)


มีข่าวจากที่ประชุมอาจารย์ระดับคณะทุกคณะ ที่อธิการบดีไปแจ้งว่ามีการเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ในการขอตำแหน่งทางวิชาการ ให้ทุกคนที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์รีบทำขอ เพราะอันใหม่นี้ไม่ต้องมีวิจัยก็ได้ มีแบบเก่าที่เคยยกเลิกไป และบอกว่าเป็นปีทองของเราทั้งหลายที่จะรีบขอ เพราะกรรมการชุดใหม่นี้ยังคงอยู่...เราได้ยินข่าวนี้ด้วยความไม่เชื่อถือ เพราะน้อยครั้งที่จะพูดอะไรตรงตามที่เป็น ..ก็เลยตรวจสอบไปยังมหาวิทยาลัยไทยที่ติดระดับโลก ก็เป็นดังคาดเพราะเรื่องนี้เป็นแค่การพูดในที่ประชุมส่วนกลางยังไม่มีเป็นมติออกมา ไม่มีการประกาศใดๆ แต่แน่นอนมีตัวแทนของกลุ่มมหาวิทยาลัย หรืออาจเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเราเองไปร่วมประชุมฟังไม่ได้ศัพท์จับมา...บอกก่อน เรื่องวุ่นก็เริ่มเกิดเพราะมีคนส่งแล้ว ทางกจ.ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกไปว่ายังต้องใช้เกณฑ์เดิม เพราะไม่มีประกาศ แต่คนส่งผลงานบอกว่า คุณจะรู้ดีกว่าผู้บริการได้อย่างไร เพราะคนที่พูดระดับอธิการบดี ที่มีคนบอกเราวันนี้ว่า ท่านน่ะ "ททท" เราเลยบอกว่า "ทำเฒ่าทั่วไป"หรือ? เขาว่าไม่ไช่เราน่ะเชยแล้ว เดี๋ยวนี้ท่าน ทำ ทัน ที ใครมาเป่าอะไรไม่ต้องกรองกันแล้วเพราะจะสั่ง ททท หุ หุ น่าสงสารสถาบันและชาวเรา และหลายๆคนที่ชอบตอบสนองแบบไม่ใช้สมองเช่นกัน

หมายเหตุ  ส่วนตัวเราเชื่อว่านี่เป็นอุบายมากกว่าเพราะเคยบอกให้ทำผลงานวิชาการแต่ไม่มีใครจะทำ ด้วยหลายๆเหตุผลที่แตกต่าง แต่มหาวิทยาลัยต้องการค่า KPI  ที่ตอนนี้ต่ำกว่าเป้าในด้านวิชาการ และสร้างภาพไว้มาก ขาดคนมีตำแหน่งทางวิชาการอย่างยิ่ง จะเปิดอะไร ทำอะไร จึงไม่สะดวกนัก ก็เลยต้องให้รีบๆทำ แต่จริงๆหากมีเกณฑ์จับที่เข้มแข็ง ตรวจสอบหลักฐานจริงจัง จะเจอของซุกไว้เยอะ มีอะไรที่ไม่ไช่ที่เห็น แต่ส่วนใหญ่ที่มาประเมินก็เป็นที่รู้ๆกัน น่าสงสารคุณภาพการศึกษาไทยจริงๆที่เราได้คนเสมือน.. มาทำหน้าที่ ประเมิน

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

22 Nov:

วันนี้ฝนตกหนักเป็นวันแรกในรอบเดือน ค่ำนี้ดูพิธีปิดการแข่งขันซีเกมส์ ที่อินโดนีเซีย ครั้งหน้าจัดที่พม่า

วันนี้ดูภาพยนต์ ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เปิดเอาตอนจบพอดีเลยไม่รู้ว่าสื่ออะไรแน่ในภาพยนต์ แต่ชอบคำพูดที่สลักบนก้อนหิน ที่ลามะไปเห็น ข้อความเขียนถามว่า

มีน้ำหยดเดียว จะป้องกันรักษาอย่างไรไม่ให้เหือดแห้ง  คำตอบคือ.........








ต้องเทมันลงสู่ทะเล   :)

21 Nov:


 

 


วันนี้บ่ายไปซื้อของสำหรับจัดงานทำบุญครบ 3 ปีอดีตเจ้าอาวาส (พระเทพสิทธินายก) ขากลับเจออัธยา ลูกศิษย์พยาบาล ไม่เจอเป็นสิบปี พาลูกชายคนเดียวมาด้วย เธอบอกว่าเป็นเด็กสมาธิสั้น ต้องกินยาปรับทุกวัน ก็เลยคุยถามเรื่องราวของเด็กลักษณะเช่นนี้ ยืนคุยเกือบชั่วโมง เหนื่อยใจแทนจริงๆ เอาของไปให้พระอาจารย์ดู ก็ OK

วันนี้ไม่ได้คิดหรือเขียนงานเลย

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

20 Nov: วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์



วิหารพระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อ.ดอนสัก

เมื่อคืนคุยกับกุ่ยจนสองนาฬิกา คุยสารพัดเรื่องราว เราก็สอนแนะเป็นระยะๆ ก็อยากให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เดินในเส้นทางที่ถูกต้อง วันนี้เช้าเตรียมของว่างทานกันที่ระเบียง กุ่ยก็ตื่นเช้าดี  ตกลงเช้านี้ไม่ต้องไปวัดเพราะเราจะไปเที่ยวกัน ตอนแรกตั้งใจพาไปสวนโมกข์ แต่ link เปลี่ยนใจบอกจะพาไปดอนสัก ไปกราบลพ.จ้อย ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ กุ่ยขับรถไป ก็คุยกับlink ตลอดทาง ถึงประมาณ 11.00 น. ฝนตกพรำๆ เลยพาไปกินที่แม่ทิ้งก่อน บรรยากาศธรรมชาติแบบชาวเล อาหารดี อร่อย วันนี้สั่ง กั้งกระเทียมพริกไทย ต้มส้มปลากุเลา ปูผัดวุ้นเส้น ปูเนื้อเผา ผัดสะตอกุ้ง ปรากฎว่าปูเนื้อไม่มี และผัดสะตอกุ้ง ไม่ยกออกมาจนทานเกือบเสร็จ เขาคงลืมอีกตามเคย คราวที่แล้วที่เพิ่งมาก็ไม่ยกสะตอกุ้งจนต้องเตือนและเอากลับมาทานบ้าน ครั้งนี้เลยไม่เตือน แต่อิ่มมาก กั้งตัวใหญ่มีไข่ ปลากุเลาตัวใหญ่อร่อย  ทานเสร็จฝนหยุดตก ไปกราบลพ. หลวงพ่อเมือนเดิม นอนในหีบแก้ว แล้วขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งมีพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขับรถขึ้นไป จะเดินก็ได้ เคยเดินขึ้นไปกระไดเป็นร้อยขั้น นั่นตอนสาวๆ แต่ตอนนี้สังขารขาไม่ไหว กลัวขาลงต้องกระโดด หรือไม่ก็ค่ำๆจึงลงมาถึงข้างล่าง วิวสวยงามมาก เจอพระที่เป็นชาวพม่าอัธยาศัยดี ทักทายคุย เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ที่เก็บของของลพ. กลับลงมาบ่ายเศษ




บรรยากาศจากร้านอาหาร

กลับเข้าอ.เมืองต่อ ไปหาพระอาจารย์ ช่วยงานเล็กน้อย กลับบ่ายสามเศษ มาคุยต่อเรื่องกิจการและสินค้าของกุ่ย พอ 5 โมงเศษ ก็กลับ คืนนี้โทรเช็ค ปรากฎว่ายังอยู่กลางทาง

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

19 Nov:


วันนี้เรากับสามีไปช่วยงานที่วัดตั้งแต่เช้า 06.40 ออกจากบ้าน สำนักงานพระพุทธศาสนา-มหาเถรสมาคมจัด“สวดมนต์พ้นวิกฤติ”เป็นสิริมงคลแก่แผ่นดินให้ผ่านพ้นวิกฤติอุทกภัย วัดของพระอาจารย์ได้รับเลือกจากสนพ.ให้เป็นวัดที่จัดการสวดครั้งนี้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฝ่ายฆราวาส นิมนต์พระมาเจริญพุทธมนต์ 30 กว่ารูป สวด 9.09-10.30 เราต้องไปช่วยการจัดอาหาร เตรียมถ้วยชาม น้ำดื่มฯ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ช่วยๆกัน เราสั่งแกงบวดเผือก มัน แป้งกรอบ ฟักทอง ไม่หวานมากก็เลยหมดชนิด กวาดก้นหม้อเลยทีเดียว มีฆราวาสประมาณ60 คน แต่มาร่วมทานประมาณ 50 คน อาหารก็พอ

กลับบ้าน จัดการบ้านให้เรียบร้อย เหนื่อยเมื่อยตัว แก่แล้วจริงๆ วันนี้กุ่ยมาพักที่บ้าน พาไปทานข้าวเย็นที่กำปั่น กลับมานั่งคุยต่อ

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

18 Nov: คุณภาพที่หลอกลวง


เช้านี้ตั้งใจตักบาตรพระ 5 รูป อุทิศให้งูตัวนั้น ปรากฎว่าวันนี้เป็นวันพระ พระจะไม่มาบิณฑบาตร เลยไปถวายพระอาจารย์ และพระที่วัดพระอาจารย์ จากนั้นไปมหาวิทยาลัย จนท.จัดการเรื่องทำความสะอาดห้องให้ เราบอกให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพราะ asbestos อันตราย

ระหว่างนั้นไปคุยกับอจ.ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ก็ทำให้รู้ว่าปีหน้า (55)ที่จะต้องจัดการหลักสูตรทุกหลักสูตรให้เข้าตามมคอ. TQF นั้น หลายโปรแกรมวิชายังไม่ผ่าน แต่มหาวิทยาลัยเปิดรับนศ.ไปแล้ว  และที่แน่ชัดคือเราบอกว่าโปรแกรมของเราไม่ควรผ่าน ยังไงก็ไม่เข้าเกณฑ์ เพราะคณะหลอกลวงปกปิดมาตลอด อธิการรู้ปัญหาแต่แกล้งทำเป็นลืม ส่วนเรารอเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้าเกณฑ์ เป็นตัวบอกพวกเขาว่ามันไม่ได้มาตรฐานจริงๆ จะให้โปรแกรมเราเขียนข้อมูลอันเป็นเท็จเหมือนหลายๆโปรแกรมเพื่อจะไม่มีปัญหานั้นไม่ได้ เพราะสงสารเด็กที่เข้ามาเรียนจบออกไปอย่างไม่มีคุณภาพ ไม่มีปฎิบัติการใดๆให้เขาเรียนเลยเพราะไม่มีอุปกรณ์ของสาขาที่ตรงกับวิชาเอกเลย ตอนเขียนหลักสูตรครั้งแรกกลุ่มคนที่เขียนก็ทำโดยอจ.ที่เกษียณไปแล้วและเขียนข้อมูลที่เป็นเท็จ มีอาจารย์ตรงสาขาคนเดียวก็ใส่ชื่อเอาสาขาอื่นมามั่วไปก่อน ส่งขึ้นไป สกอ.ก็ไม่รู้อะไรอยู่แล้ว ยิ่งพวก สมศ.ก็ไม่ต้องพูดถึงหน่วยงานพวกนี้ไม่ควรจะมีในประเทศไทยเลย การศึกษาอาจพัฒนาไปดีกว่านี้ เราเคยพูดกับอธิการว่าเครื่องกรองที่ไม่ดี เอามากรองอะไรไม่ได้หรอก ไร้ค่า! มหาวิทยาลัยนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากที่ทำให้เราเห็นชัดเจนถึงความไม่เอาไหนของหลายๆหน่วยงานที่ต้องสอดส่องเรื่องคุณภาพ ว่าทุกหน่วยงานนั้นก็เหมือนแมว หากเลี้ยงให้อิ่มได้ก็ไม่เห็นหนูหรอก น่าสงสารการศึกษาไทย ได้แต่บอกคนที่สนิทๆว่าอย่าได้ส่งลูกหลานเหลน มาเรียนเป็นอันขาด ยกเว้นอยากได้แต่ใบปริญญาไม่สนใจความรู้ก็ OK เลยเหมาะมาก

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

17 Nov:

วันนี้สอนตั้งแต่เช้าจนถึงเกือบ17.00 พักช่วงเที่ยงกลับมาทานข้าว แวะร้านกล้วยทอดเจ้าประจำ อาทิตย์ละครั้งเด็กๆ 4 ตัวชอบกินมาก larna นี่คงต้องกินเป็นกิโลกรัมจึงเริ่มอิ่มบ้าง ส่งอะไรๆเข้าปาก หงับสองทีกลืน
วันนี้เด็กเป็นลมในห้องหนึ่งคน ให้พาไปห้องพยาบาล เธอบอกจะเป็นเช่นนี้เวลา menstruation

เย็นกลับบ้านหมดแรงก๋วยเตี๋ยวไปเลย แวะซื้อนม คุกกี้ของโปรด บอกเธอว่าคราวหน้าจะเอา almond, resin, cashew nut ,dry litchi มาให้ใส่ และช่วยทำพิเศษให้ เพราะชอบ

ลมพัดแรงมาก นึกว่าฝนจะตก แห้วตามเคย น้ำที่คลองหลังบ้านสีขุ่นมากๆเป็นน้ำตาลแดงน่ากลัวจัง

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

16 Nov:


เช้านี้รีบตื่นต้มไข่ ไว้ตักบาตร เวลาตีงูเห่าทุกครั้งก็ไม่เคยสบายใจ แต่ส่วนมากก็จะสู้กับเจ้าลานาและเต้ จนงูท้องแตกก่อนเราจะไปถึงทุกครั้ง แต่ก็ปล่อยไม่ได้มันก็ทรมาณ หมาก็อันตราย เราเลยต้องเข้าไปเอี่ยวบาปกรรมด้วย แผ่เมตตา ตักบาตรไข่ ให้เขาไปสู่ภพที่ดีขึ้น

วันนี้ลางานเป็นวันที่สอง พรุ่งนี้ไปสอนทั้งวัน 08.30-16.30 เที่ยงหาช่วงพักเอง โดยให้ตกลงกัน เราเลยพัก 11.30-12.30 ช่วงบ่ายสองเศษจะ มีเบรคให้คนเรียนหายมึนอีก 15 นาที ส่วนครูทานกาแฟ :)

เช้าช่วย papa เก็บกวาดบริเวณ กลับบ้านพาชาบูมาส่ง แล้วโทรสั่งอาหารเลี้ยงเพลพระ 4 รูปที่บ้านปลายคลอง บ่ายแยกย้ายlink ไปสอน แปะ ไปทำงาน เรากะกีไปดูกระเบื้องลายโบราณไว้ทำโต๊ะ ไม่ได้กระเบื้องแต่ได้อย่างอื่นมาเพียบ ฝนตกเลยกลับบ้านกันก่อนจะได้ของมากกว่านี้

ตอนนี้มีแต่เรื่องปัญหา big bag ที่ชาวบ้านจะขอรื้อ แต่หน่วยงานไม่อยากให้รื้อ ต่อรองจนไม่รู้อะไรดีกว่า หรือถูกต้องกันแน่ ก็ต้องดูกันต่อไป

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

15 Nov: สถิตทั่วแต่ชั่วดี


วันนี้มีงูเห่ายาวเมตรเศษเข้ามาในเขตหลังบ้าน เจ้าเต้ และลานา จัดการตามระเบียบตอนเราวิ่งปก้เห็นกำลังหวี่ยงตัวละตุบสองตุบ ท้องงูมีแผลขาดแล้วเราเลยต้องช่วยให้มันพ้นทุกข์เร็วขึ้น คืนนี้ได้สวดมนต์อุทิศผลบุญ แผ่ให้ พรุ่งนี้ตั้งใจตักบาตรให้ด้วย

บ่ายไปซื้อวิทยุสื่อสาร 2 เครื่องเป็นเครื่องแดงไว้เข้ากลุ่มคาราวานเดินทาง และจะไปซื้อสีดำอีกหนึ่งตัว

เอาพระบรมฉายาลักษณ์ที่ระลึก 84 พรรษาที่ที่ร้านให้เป็นโปสเตอร์ใบใหญ่ที่บริษัทให้มา เอาไปส่งร้านให้เคลือบด้านไว้แขวนเป็นสิริมงคล

วันนี้ฟังข่าวเย็นทำให้สงสารประเทศไทย สงสารตัวเองด้วยเพราะเป็นคนไทย มีการประชุมทั้งจร ทั้งลับฯ ใครทำอะไรที่อกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ไม่ละอายเลย คงจะได้รับกรรมที่ตนทำเป็นแน่แท้ ไม่ช้าเกินได้ทันเห็น แปลกใจที่หลายๆคนอยู่เกินครึ่งชีวิต ที่เหลืออีกก็ไม่มาก ทำไมไม่รู้จักแยกแยะชั่ว-ดี ไม่มีสำนึกบุญคุณแผ่นดิน ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ไม่รู้ว่าเวลาตายเอาอะไรติดตัวไปได้อีก

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

14 Nov:


วันนี้ตั้งใจจะเขียน my silent corner ต่อ แต่เที่ยวไปเที่ยวมาในโลก cyber เลยหมดเวลา วันนี้ช่วยพิจารณาการรับผู้ขอรับทุนศึกษาต่อป.เอก แต่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่ทางสาขาขาดแคลนและต้องการ จึงปฏิเสธไม่รับผู้ขอรับทุนการศึกษาดังกล่าว  ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าคณบดีและผู้บริหารเขามีอะไรที่เข้าใจยาก เขาจึงไม่ยอมเข้าใจจริงๆว่าหลักสูตรเราสอนทางด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม เฮ้อ! สาขาที่ต้องการกลับไม่ให้อัตรา แต่เด็กฝากที่ใครต่อใครส่งมาจะแกมบังคับให้รับอยู่เรื่อย ก็ปฎิเสธทุกครั้งไม่เข็ดเสียที

เย็นนี้ไปทานอาหารเวียดนามที่เปิดใหม่ก็ OK แต่กินด้วยความครุ่นคิดเรื่องที่น่าเครียด เพราะเพื่อนที่ไปด้วยเล่าว่าวันลอยกระทงที่ผ่านมา มีขโมยขึ้นบ้าน 3 หลัง ที่ซอยติดกัน เพราะไปลอยกระทงกัน และตำรวจสืบว่าเป็นรถรุ่น yarris สีดำ เปลี่ยนป้ายทะเบียนประจำ จะซุ่มอยู่ดูลาดเลา  เกิดเหตุในซอยไกล้เคียงอื่นๆอีก 2 ซอย ฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่ได้กลัวของอื่นหายเลย กลัวคอมพิวเตอร์ เพราะมันคือสมอง  กลัวเจ้าตัวยุ่งที่น่ารักทั้งหลายจะเป็นอันตราย

คิดๆแล้วคุยกันหาวิธีป้องกัน พรุ่งนี้จะมีการประชุมย่อยๆ ระหว่างบ้านที่ไกล้ๆกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกัน  บ้านเราไม่มีปัญหาทำได้ทุกอย่าง ติดวงจรปิด หรือสัญญานเตือน

เห็นข่าวค่ำว่านบพิตำถนนถูกตัดขาดที่เขาเหล็กอีกแล้วสะพานที่กำลังสร้างอย่างเชื่องช้ามาก ก็เลยขาดอีกทั้งๆที่กำลังทำได้ราว 30 % จากน้ำท่วมเมื่อครึ่งปีที่ผ่าน

วันนี้ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ บอกตอนถูกสัมภาษณ์เช่นกันว่า ถ้าให้เลือกผมก็ไม่เอา EM ดีใจที่มีคนเห็นด้วยอีกคน อยากให้ผู้เกี่ยวข้องได้ยินและคิดไตร่ตรองให้ดี ก่อนจะสายเกินแก้

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

13 Nov: "น้ำท่วมให้รีบโกง"/น่าเป็นห่วงคนปั้น EM


วันนี้วันหยุด อยู่บ้านเขียนตำราชีวเคมีสวล .ต่อในหัวข้อ "การใช้เชื้อราฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ "
ตั้งใจจะไปซื้อวิทยุสื่อสาร แต่ขี้เกียจออกจากบ้านเลยเลื่อนไปวันอื่นแทน ฝนตกแบบคล้ายๆจามแล้วหายไปเลย
ดูTV ไปเรื่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ หมดไปอีกวัน ได้ยินข่าว การจัดซื้อเรือในราคาพิเศษของราชการ ชาวบ้านทั่วไปเรือนั่งสองคนซื้อได้ในราคา6,000-7,000 บาท ก็แย่มากแล้ว เพราะปกติก่อนน้ำท่วมราคา 2,500-3,000 บาท แต่ศปภ.ซื้อในราคา 20,000-100,000 บาท ขนาดตั้งแต่นั่งสองคน และสิบคน ก็ต้องสอบสวนอยู่อีก เรื่องโกงกินถุงยังชีพก็ยังไท่เรียนร้อยมีข่าวเช่นนี้ทุกวัน "น้ำท่วมให้รีบโกง ?"  ไม่ว่าใครที่ทำเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม(ผู้อำนวยความสะดวกให้ทำการสำเร็จ) ทั้งก่อบาปและอกุศลกรรมได้เกิดกับตนไปแล้ว รอผลของกรรมที่ทำคงไม่ช้าหรอก

คิดๆก็น่าสงสารครอบครัวผู้ที่โกงกินนั้นจริงๆที่ปล่อยให้คนในครอบครัวนั้นมีความลำบากในครอบครัวมากขนาดต้องออกมาโกงกิน เบียดเบียนคนที่ลำบากจากการประสบภัย คิดถึงขอทานคนนั้นที่รู้จักการให้บริจาคเงินจังเลย


วันนี้ไปอ่านเจอ ข้อคิดการใช้ EM
เรียนรู้การใช้อีเอ็มบอล จากแดนอินทรี ลูกบอลวิเศษหรือตัวการทำน้ำเน่า
http://m.posttoday.com/article.php?id=121395&channel_id=11000  ก็ตรงใจกับที่เราอยากเตือนส่วนหนึ่ง ดีที่มีข่าวแบบนี้ออกไป แต่ยังไม่มีใครพูดถึงการปนเปื้อนของเชื้อ และการกลายพันธุ์ การตกค้าง ที่อันตรายยิ่งกว่าที่คาดคิดไว้มาก รอก่อนว่าใครจะรู้จักนิสัยเชื้อสิ่งแวดล้อมบ้าง
เอารูปนี้มาเตือนใจ และคงใช้สอนนศ.ว่า ความไม่รู้ เป็นเรื่องหนึ่ง การไม่ใส่ใจศึกษาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการปฏิบัติโดยไม่ใคร่ครวญเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใช้มือเปล่าสัมผัสเชื้อจำนวนมหาศาลที่ยังไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยใดๆเลย น่ากลัวและน่าเป็นห่วงจริงๆ

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

12 Nov: ไปนคร


เช้า 08.30 น. ไปเที่ยวนครศรีธรรมราชกับเพื่อน 2 ครอบครัว  เขาชวนไปที่หนึ่งแต่สุดท้ายไม่ได้ไป เพราะเป้าเปลี่ยน แวะทานกาแฟที่ สะพานยาวอะควาเรียม ตั้งใจไปดูปลาคาร์ฟ ในที่สุดได้เรือเอี้ยมจุ้นขนาดกลางมา 1ลำ ต้องการลำใหญ่แต่ใส่รถมาไม่ได้ วันนี้เอาคันเล็กไป ส่วนลำเล็กที่สั่งไว้ด้วยใช้ไม่ได้เพราะทดสอบแล้วรั่วน้ำ ได้ปลาคาร์ฟมา 5 ตัว ปลาช่วยกินตะไคร่มา 8 ตัวเล็กๆ เขาว่าตัวเล็กขยัน ตัวใหญ่ขี้เกียจ

ตั้งใจไปทานเที่ยงที่ภัตตาคารอันดามัน แต่เพราะยังไม่หิวมากเลยเปลี่ยนใจแวะร้านก๋วยเตี๋ยวปลาโกอ่าง เจ้าของร้านออกมาชวนชิมเอง ชวนคุยตลอดจนอาหารมา เสร็จแวะมาตอนช่วงกลางเพื่อถามว่าเหมือนกับที่คุยหรือเปล่า สั่งสะเต๊ะปลา น้ำจิ้มสะเต๊ะอร่อยดี ปลาเส้นผัดขี้เมา ปลาเส้นต้มยำน้ำข้น ที่แปลกก็ปลาเส้นดีปลาหมึกที่สีดำสนิท ไม่คาวเลย ทานเสร็จ ซื้อปลาเส้นสดกลับมา 1 kg  300 บาท เขาแช่น้ำแข็งมาให้ คราวหน้าสรุปกันว่าจะกลับมาลองเมนูอื่นๆอีก เสร็จผ่านร้านแป้งปั้น แวะอีก ซื้อขนมปังผสมผักโขม แล้วเดินเข้าร้านรมย์ฝน ขายดอกไม้ประดิษฐ์ ของตกแต่งซื้อกันอีก แล้วก็ไปร้านนครหัตถกรรม ที่พระอาจารย์สมชาย ท่านเคยไปซื้อหัวนะโมเงินแท้ ก็เลยไปอีกคราวนี้ของที่ต้องการไม่มี เจ้าของร้านแนะให้ไปร้านภรรยาที่วัดพระมหาธาตุฯ เลยไปอีก ได้สร้อยเงินที่แขวนพระ 5 องค์ แบบ7 องค์ไม่มีเลยต้องเอา ได้แหวนงาช้างแบบสองหัวสวยดีมา1 วง ของที่เพื่อนต้องการไม่มี เลยไปต่อกะว่าจะไปร้านกินขะหนม แต่พอถึงทางแยกคูขวางเห็นรถติดยาวเปลี่ยนใจเลี้ยวกลับมาร้านลิกอร์ นั่งกินกาแฟ เค็กบ้าบิ่น อยู่เกือบชั่วโมง ก็กลับไปรับปลาคาร์ฟและเรือเอี้ยมจุ้น ได้กบมาเพิ่มอีก 3 ตัว เต่าปูน1 คัว เต็มท้ายรถ กลับ ฝนตกตลอด ตกหนักมากๆแบบอึดอัด เลยนั่งสมาธิอยู่หลังรถ ก็ดีขึ้น เวลามืดค่ำฝนตกหนักคนยังกล้าขับรถผิดกฏจราจรอีก ทาง one way แท้ๆ สวนมาได้ ใช้เวลาขับกลับ 2 ชั่วโมงเศษ ทั้งๆที่ปกติ 1.45 hr ก็ถึงแล้ว

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

11-11-11

 

เช้าเตรียมสอน บ่ายเอาของฝากและของขวัญแต่งงานไปให้ล่วงหน้า เพราะไม่สะดวกไปร่วมงาน

วันนี้หยีโทรมา บอกหมอพงศ์ศักดิ์บรรยายที่โรงเรียน เราบอกเมื่อคืนไม่ได้ไปเพราะสอนนศ.เหนื่อยมากๆ ทั้งวันร่ายยาวให้นศ.มีความรู้สึกร่วมกับโศกนาฎกรรมของชาวมินามาตะ ไม่รู้นศ.เข้าใจแค่ไหนแต่คนสอนเครียดทุกปี ที่สอนเรื่องน้เพราะอยากให้เด้กรับรู้และนำมาเป็นบทเรียนไม่ให้สิ่งนั้นเกิดกับคนไทยในอนาคต จริงๆแล้วคนที่ทำลายชาติ เอาเปรียบ รังแกคนชาตินั้นๆ ก็คือคนในชาติ ไม่ไช่ใครอื่นเลย น่าเศร้าจริงๆ

เย็นนี้เขียน

อย่าประมาท..เมื่อน้ำดื่ม (ประปา) ไม่ปลอดภัย

http://meepole.blogspot.com/2011/11/blog-post_11.html

มีใครเคยถามคำถาม หรือตั้งข้อสังเกตุไหมว่า ทำไมปัจจุบันคนเป็นมะเร็งมากขึ้น แทบทุกบ้านที่มีคนเป็นมะเร็ง อยากบอกเหลือเกินว่า เชื่อไหมว่า น้ำประปาคือหนึ่งในคำตอบนั้นด้วย แต่เหมือนที่บอกไว้แล้ว คนเดี๋ยวนี้แนะ บอกหรือสอนยาก มีข้อโต้แย้งข้างๆคูๆ ไม่พอใจก็วิจารณ์จนน่าเบื่อ เลยต้องปล่อยไปตามกรรม

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

10 Nov: วันลอยกระทง

ภาพจาก: vcharkarn.com


วันนี้สอนทั้งวันตั้งแต่ 08.30-16.30 น. ด้วย slide ชุดเดียว เป็น case study  เรื่อง Minamata เรื่องนี้ดีมากเข้าได้กับทุกสถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งวิทยาศาสตร์ การเมือง สังคม ราชการที่ไม่เอาใจใส่ให้ความยุติธรรมกับชาวบ้านที่ต้องป่วย พิการ เดือดร้อน ฟ้องร้องจนปัจจุบัน 50 ปีเรื่องยังไม่จบ ช่างเหมือนบ้านคลิตี้ของไทย

พาดร.รัตนาไปทานเที่ยง คุยเรื่อง EM ball ตลอด กลับมาติดลมเลยคุยเรื่องนี้กับนศ.ต่อ

กลับบ้านหมดแรง เหนื่อย เย็นนี้สามีเลยไปกับพระอาจารย์เรื่องการจัดการกึ่งคุยกับผู้ปกครองนักเรียน เราก็อยู่เป็นเพื่อนตัวยุ่งทั้งหลายที่ตกใจกระเจิงกับเสียงจุดพลุ เยอะแยะไปหมดพี่ไทยนี่ยอดจริงๆ ทุกเทศกาลจุดพลุ จุดประทัดจนไม่มีเอกลักษณ์แล้ว

ปีนี้ไม่ได้ไปลอยกระทง สงสารคนภาคกลาง และรู้สึกสำลักน้ำ เพราะติดตามข่าวมากไป ทุกวันลอยกระทงจะหวลคิดถึงอ.อภิชาติ ธรรมรักษ์ ที่เคยสอนเราตอน ป.ตรี เป็นอาจารย์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากของความเอาใจใส่ และมีความจำเป็นเลิศ ทำให้การเรียนสัตววิทยา และวิชาอื่นที่อจ.สอนเป็นวิชาที่น่าสนใจมาก หยิบจับตัวอะไรขึ้นมาอจ.จะเอ่ยชื่อวิทยาศาสตร์ บอกตระกูลครบชุด และเรื่องราวของสัตว์ตัวนั้น อจ.สอนวิชานิเวศวิทยาให้ไม่น่าเบื่อเลย แถมยังมีวิธีการสอบไม่เหมือนใคร สอบ open book แบบจะขนหนังสือเท่าไรมาก็ได้ มาเปิดสอบ และทำตั้งแต่ 8 โมงเช้า เสร็จไม่เกินเที่ยงคืน แถมเลี้ยงข้าวเที่ยงเย็น ให้เจ้าหน้าที่ซื้ออาหารให้แล้วแต่สั่ง คุยได้แต่ห้ามพูดเรื่องที่กำลังสอบ  พวกเราก็รักษากติกามาก ตอนค่ำจำได้เรานั่งหลังสุดของห้อง lab ตรงกับประตู อาจารย์เดินแบบย่องขึ้นมาเบามาก เราหันไปเห็น อจ.รีบจุ๊ปากบอกใบ้เราว่าห้ามบอก แถมหิ้วรองเท้าในมือ อุตส่าห์ถอดรองเท้าเดินกลัวพวกเราได้ยินฝีเท้าแล้วมาแอบยืนดูพวกเราสอบสักครู่แล้วหัวเราะเสียงดัง เดินลงกระไดไปพร้อมกับร้องเพลงเสียงดังก้องตึกว่า ลง ลง กระทอยๆๆๆ หัวเราะท้องแข็งทั้งห้อง คิดถึงอจ.จัง!

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำท่วม: สู้เชื้อโรคจากการลุยน้ำด้วยด่างทับทิม


ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ที่เพิ่งมีการออกมาเตือน เรื่องการติดเชื้อจากการลุยน้ำ ตลอดจนข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์บางฉบับ เตือนหญิงมีประจำเดือนลุยน้ำท่วมเสี่ยงติดเชื้อ
เราเลยต้องเขียนบทความช่วยกันอีกเรื่อง

น้ำท่วม: สู้เชื้อโรคจากการลุยน้ำด้วยด่างทับทิม  อ่านได้ที่
http://meepole.blogspot.com/2011/11/blog-post_09.html

แล้วก็เตรียมสอนมลพิษต่อ เตรียมตำราชีวเคมีสิ่งแวดล้อม ยังไม่เสร็จเลย เย็นออกไปซื้ออาหารหมามาเพิ่มอีกเป็น 4 กระสอบ สั่งอาหารดีพร้อมกลับบ้าน ของคนไม่ได้เตรียมอะไร ยังจิตไม่ร้อนอยู่

วันนี้อยู่ดีๆตอนบ่ายสามลมกระชากแรงมากต้นทองกวาว หน้าบ้านกิ่งกลางฉีกหักเลย เด็กๆกระเจิงคนละทิศ  ตามด้วยฝนที่แรงมากเช่นกัน ประมาณเกือบชั่วโมง แดดก็ออก ทำเป็นประเทศอังกฤษไปได้ วันละ 3 ฤดู

วันนี้รัฐบาลประชุมแบ่ง cake หลายแสนล้าน  คิดถึงขอทานที่บริจาคเงินช่วยน้ำท่วมขึ้นมาทันที จน ลำบาก เงินยี่สิบ เทียบเท่าเงินแสนเงินล้านของคนมั่งมี  น้ำใจที่รู้จักให้ เมื่อเห็นคนส่วนใหญ่เดือดร้อน จะเทียบกับใจของคนที่รอเขมือบเค็ก ฉวยโอกาสสร้างอกุศลกรรม ทั้งๆที่ไม่จน แต่ไม่รู้จักพอก็แค่นั้น  บางเองมันก็ติดในสันดานจริงๆ แบบที่ว่าสันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก

พรุ่งนี้สอนทั้งวัน

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จะโกงกินกันไปถึงไหน?

           

จากข่าว .....เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 พฤศจิกายน) นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  แถลงข่าวว่า นอกจากปัญหาถุงยังชีพที่มีราคาเกินจริงแล้ว ขณะนี้ยังมีรายการสุขามือถือกระดาษ ซื้อ 30,000 ชุด ชุดละ 245 บาท ยกตัวอย่างของสุขามือถือกระดาษปูนซีเมนต์ไทยราคาเพียงแค่ 111 บาทเท่านั้น แถมกระดาษอีก 2 ม้วน  และถุงดำอีก 10 ใบ แต่กลับไปซื้อในราคา 245 บาท
            "อยากขอดูหน้าตาหน่อยว่าเป็นอย่างไร มีกระดาษและถุงดำให้หรือไม่  และให้ระบุชัดเจนว่าได้กระจายของเหล่านั้นไปพื้นที่ใดบ้าง ไม่อยากให้ใครนินทารัฐบาลหากินกับส้วม นายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นผู้หญิงคงไม่สนับสนุนให้คนของตัวเองหากินกับของสกปรกบนความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งหากนำเอาราคาตลาดลบกับราคาที่มหาดไทยซื้อจะมีส่วนต่างอยู่ ที่ 134 บาทต่อชิ้น เท่ากับท่านซื้อแพงเกินเท่าตัว รวมส่วนต่างทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท เฉพาะรายการนี้แค่รายการเดียว"
ยังมีข่าวถุงยังชีพที่มีการว่าจ้างคนบรรจุ มีค่าการจัดการ ของข้างในมูลค่าถูกมากแต่ตั้งราคาเบิกแพงเกินเท่าตัว ฯลฯ และนี่ถุงของศปภ. 800 บาท  (ที่มาภาพ: thaihosttalk.com)
 ไม่แปลกใจเลยจริงๆ สำหรับสังคมไทยปัจจุบัน ที่การโกงกิน กอบ โกย มันกระจายซึมแทรกเข้าในสายเลือด (ไม่รู้ผ่านสายสะดือมาหรือเปล่า) มันก็เลยเป็นเช่นนี้กันไปทั่ว ไม่ว่าเหตุการณ์อะไร พี่ไทยก็โกง กิน   ทำไมใจดำจังเบียดบังคนชาติเดียวกัน
แม้กระทั่งท่ามกลางความเดือดร้อน

..เราชอบที่มีคนส่งทวิตเตอร์ต่อๆกันแล้วโทรทัศน์เอามาออกรายการ ว่า
"คนที่เบียดบังผู้ที่เดือดร้อนจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ มักตายด้วยปรากฎการณ์ไม่ธรรมชาติ" ฟังตอนแรก และเล่าให้คนอื่นฟังก็ขำหัวเราะกันทุกที แต่ชวนให้คิด แล้วขนหัวลุกนา! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่เราเชื่อ เพราะไม่เคยเห็นใครที่โกงกินจนมีสมบัติมากมาย จะมีสุขที่แท้จริงได้เลย มีลูก(ชั่ว)ช่วยล้างผลาญสมบัติกันทั้งนั้น

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

My Silent corner (7): Around King’s college-Covent garden 2

(ต่อ) ตลอดสองข้างทางที่ไป Covent garden ก็จะมีอะไรๆให้ดูเรื่อยๆ เดินเพลินไม่รู้เหนื่อย อาจเพราะอากาศเย็น มีตลาดข้างๆที่คล้ายซอยละลายทรัพย์ หรือไม่ก็แบบร้านออกงานแบบบ้านๆ เคยมีที่บางช่วงไปเจอแบบงานวัดก็มี มีม้าหมุน ให้นั่ง ที่นี่มักมีการแสดงแบบเปิดหมวกเยอะมาก บางทีแค่การแสดงแบบมือเปล่าคือพูดๆๆ คนมุงก็หัวเราะกันแล้ว ต่อมอารมณ์ขันตื้นดี เคยมีมายากลมาแสดง ปกติเราก็มาที่นี่แทบทุกเดือนเช่นกัน เพราะมี tesco ให้ชื้ออาหาร ที่สำคัญที่ทำให้มาคือ มี Marks&Spencer มันอยู่ไกล้ที่สุด ไปที่นี่เพราะชอบกินขนมของเขาที่ชอบมากก็คือ pastries และ  tarts บางชนิด


และแต่ละรอบที่มาก็เดินเวียนรอบๆขนม ผลไม้ และก็ผัก (ชอบผักของ Popeye มาก spinach ค่อนข้างแพง 3 ปอนด์ขึ้นไป (ตอนที่ไปเรียนปอนด์ละ 69-70 บาทใส่ถุงสำเร็จสะอาด ผัดได้จานเล็กๆ คนที่นั่นส่วนมากทานสด meepole ผัดน้ำมันหอย

Photo By: MatAnt

นอกจากนี้หากเดินไปชั้นบน Apple market จะเห็นร้านเล็กๆ เป็นห้องๆขายของที่ระลึก ขายเทียนหอมที่ หอมไปทั้งร้าน คนที่นี่นิยมเทียนน้ำหอมมาก มีร้านขายชา Tea shop ที่มีชื่อของที่นั่นมากจนเลือกไม่ถูกเลย

เดินเพลินๆ มองลงมาจะเป็นโถงเล็กๆที่จะมีการแสดงเสมอ ส่วนมากแสดงดนตรี เราเองเคยยืนดูเป็นชั่วโมง คนที่นี่เขาก็มีความอดทนดี ยืนดูอะไรได้นานๆ



ที่ห้องโถงจะเห็นกำลังเล่นดนตรี เล่นเสร็จจะมีคนเอาหมวกบ้าง เอาภาชนะบ้างมาขอเงินสนับสนุนจากผู้ยืนชม ก็เหมือนกันไม่ว่าชาติไหนก็มีพวกชอบดูฟรีถึงฟรีมากๆไม่ให้ เดินออกไปก็มีมาก ส่วนเรากะเพื่อนก็เข้าใจแบบไทยๆ ใจดี ขี้เกรงใจ อะไรก็ตาม แต่ก็ให้เล็กๆน้อยๆดีกว่าไม่ให้ ใจเขาใจเรา

อีกที่ๆมักจะแวะดูคือ ร้านขายของประดิษฐ์ ของที่ระลึกเล็กๆ ของที่เป็นเทคโนโลยี เราเรียกร้าน Gadget และมีร้าน Apple ..Steves Job ขวัญใจ meepole คนหนึ่ง




7 Nov: เสนอโครงการ/ EM ระเบิดเวลา เฮ้อ!


วันนี้ทำโครงการเพื่อช่วยเหลือพระภิกษุสู้โรคภัยที่มากับน้ำท่วมเสนอเจ้าคณะภาค 16 หากคณะสงฆ์เห็นชอบก็มีงานต้องเร่งทำ ระดมแรงงานมาช่วย วันนี้เช็คราคาสารแล้ว งานนี้ทำเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน

กำลังคิดเรื่อง EM อยู่ว่าจะเอายังไง วันนี้มีรายการสรยุทธ์เอา 2 คนมาออกรายการ มีคนโทรมาบอกให้ดูช่อง3 มาเปิดตอนท้ายแล้วไม่รู้ว่าเป็นใคร เสียดายอยากจะช่วยผู้ร่วมรายการฝ่ายชายจัง ที่บอกว่าขอทุนทำวิจัยแล้วมาเมื่อ 5 ปีที่แล้วแต่ไม่ผ่านเพราะไม่มีใครเห็นความสำคัญ ถ้ารู้จะสนับสนุนเต็มที่เลย จริงๆตอนนี้คิดว่าสิ่งที่เขาอยากรู้มีการทำวิจัยแล้ว อยากส่ง paper ให้อ่านจัง สังคมเริ่มตั้งข้อสังเกตุดาบสองคมของ EM แล้ว ดีมากเลย ตอนนี้รอคนที่เข้าใจไปกระซิบ เป่าหู อธิบายให้นายกฯ ที่ปรึกษานายกฯ ผู้ติดตามนายกฯ พ่อยก แม่ยก ทั้งหลายฟังให้เข้าใจ จะได้ชะลอการสูญเสียเงินมากมายกับการปั้นระเบิดเวลาไปขว้างเล่น เอาไว้ที่สุดของที่สุดก่อน อาจต้องหาทางอ้อมช่วยเรื่อง EM งานนี้ต้องใช้แรงขับมากหน่อย แต่ตอนนี้ยัง ยังไม่อยากออกสู่สังคมที่..นะๆ

ดีใจที่ข้อเขียนเรื่องเกี่ยวกับ ด่างทับทิม มีคนเข้ามาอ่านมากจริงๆ ดีใจที่แม้อยู่ไกลก็สามารถช่วยคนร่วมชาติได้ แม้เป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม