วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

21April: I do my part...


ดอกราชาวดี หลังบ้านหอมมาก กลิ่นลอยโชยเข้ามาในบ้านเป็นระยะๆ

เช้านี้คุยกะโต เรื่องคุณสัจจะเจ้านายของเขาที่ถูกเรื่องเมื่อวานนี้ โตโกรธบอกว่าจะจัดการคนที่ทำไม่ถูกต้องทั้งแถว บอกเราว่าเราอยู่เฉยๆเขาจัดการเอง เราบอกว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องความผิดของพวกเขาเหล่านั้นเลยเพราะความไม่ถูกต้องพวกเขาก็ทำไปแล้ว อกุศลกรรมเกิดแล้วเราไม่ต้องไปยุ่งให้ติดกรรมต่อ เพียงแต่ที่แย่คือคนทำผิดไม่รู้ตัวมาหาเรื่องคนทำถูกเพราะเกิดอาการตาร้อนก็แค่นั้น...แต่คำบอกของเราน่าจะไม่เป็นผลเพราะได้ข่าวว่าโตจะลุย

เกือบ 10 โมงเวี้ยดมารับไปดูบ้านเขา เราไม่ค่อยชอบนัก เพราะสารพิษเต็มบ้าน เปิดบ้านกลิ่นสารสังเคราะห์ลอยมาอึดอัดมาก รีบเปิดหน้าต่าง เขาเพิ่งย้ายมาเดือนเศษ พื้นบ้านเป็นกระเบื้อง ชั้นบนเป็นลามิเนต เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป เราเลยถามว่ามีลูกคนไหนเป็นหอบหืดหรือยัง เขาบอกลูกชายเป็นแล้ว เราบอกอือ.แล้วจะเป็นมากขึ้น อีกคนก็ต้องระวัง ระวังภูมิแพ้  จริงๆที่น่ากลัวกว่านี้ยังรอตามมาอีก ก็ได้แต่เตือน ความหวังดีเป็นของเรา การรับความหวังดีแล้วนำไปไตร่ตรองเป็นของเขา  I do my part U do ur part แต่แปลกที่คนส่วนมากกลัวตาย ไม่กลัวการทรมาณจากการเจ็บป่วย เรื้อรัง สะสม เราว่าแบบนี้ทรมาณกว่านะ ต้องกินยาตลอด เข้าออกรพ.เป็นบ้านที่สอง แค่เอาใจใส่กับสารพิษในบ้านเพื่อความสุขยาวนาน กลับไม่ใส่ใจ...เขานัดช่างตัดผ้าม่านมาให้เลือกผ้า เราเลือกผ้าฝ้ายให้ทั้งหมด

ไปทานข้าวที่ร้านแปลกๆแต่ดี  บ่ายสามเศษกลับ

 วันนี้เขียนเรื่องนกที่น่ารักๆ  http://meecorner.blogspot.com/2012/04/blog-post_21.html

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

20 April:


เช้าไปวัด เอาดอกไม้สองห่อใหญ่ไปให้หลวงตาจัดไว้ถวายพระในโบสถ์ สายเอาเจ้าลูกหมาที่ช่วยไว้เมื่อวานไปคืนที่เดิม ตามเจอเจ้าของเป็นป้าอายุคงเลย 60 เล่าให้ป้าฟังว่าเกิดอะไรขึ้นป้าก็ขอบใจ อวยพร บอกหมามีบุญเจอคนใจดีช่วยเหลือ แกขอมาเลี้ยงคู่หนึ่ง ครั้งที่แล้วถูกคนวางยาหมด  ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะลืม

กลับบ้าน เจอข้างบ้านก็คุยเรื่องปัญหาที่เขาเจอ เหนื่อยใจแทน

เย็นเอาชมพู่ที่ซื้อจากสวนไปฝากไว้เลี้ยงพระพรุ่งนี้

ฝนตกใหญ่ หนักมากๆๆๆ ดำทมึน รถติด กลับบ้านไฟดับครู่ใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

19 April: ช่วยชีวิตลูกหมากลางถนน

เช้าไปวัด เห็นผอ.ศักดาและภรรยามาทำบุญที่กุฎิพระอาจารย์ แต่ไม่ได้ทักทายเพราะไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัว จัดอาหารเช้าถวาย วันนี้พาชาบูไปหาหมอ เมื่อคืนสังเกตุเห็นชาบูไม่กระดิกหางเวลาพูดคำว่า "พรุ่งนี้จะพาชาบูไป..." แม้กระทั้งเอ่ยชื่อที่ชาบูชอบเช่น ตับๆๆๆ  กุกๆๆๆ  ตือบะๆๆๆ  ซึ่งคำเหล่านี้ถูกใจชาบูยิ่งนักเพราะเป็นของกินที่ชาบูชอบ เลยสงสัยไปจับตัวดู ชาบูตัวร้อน ก่อนนอนก็จับอีกรู้สึกมีไข้เอาผ้าห่มห่มให้  เช้านี้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ไว้ใจ เห็นอึชาบูเป็นสีเหลืองเหนียวๆ (เพิ่งมาคิดออกตอนเขียนว่า หรือว่าเป็นอาเจียน??) เพราะเห็นกองที่หน้ากุฎิเลยเดาเอา มิน่าตอนเช็ดไม่เหม็นแต่ไม่เอะใจ พรุ่งนี้ต้องพาไปใหม่ เฮ้อเราหนอ

ไปซื้อดอกไม้บูชาพระ พาชาบูกลับบ้าน ไปมหาวิทยาลัย ขากลับออกมาบนถนนใหญ่ highway มองเห็นอะไรที่เส้นกลางถนน ดิ้นๆกระดื้บๆแปลกๆ พอเข้าไกล้จึงเห็นว่าเป็นลูกหมาสีดำๆนอนดิ้นยกขาโบกอยู่ก็เดาว่าคงถูกรถชน แต่ด้วยความเร็วรถทำให้จอดทันทีไม่ได้เพราะถนนใหญ่รถวิ่งตามกันมาหลายคัน บอก link ให้จอดข้างทาง และค่อยๆถอยรถไปช่วยเขา ระหว่างนั้นเราเหลียวหลังไปมองเสียวไส้ตลอดเพราะรถตามมาหลายคันเท่าที่เห็น 6 คันที่หลบซ้ายหลีกขวาอ้อมกัน แต่หมายังยกขาชูดิ้นอยู่ เราภาวนาตลอดขอให้อย่ามีคันใดชนเขาซ้ำเลย  ในที่สุดรถเราจอดก็เห็นรถปิกอัฟเบรกจอดตรงหน้าหมาพอดี ชายหนุ่ม (คงเป็นคนงาน) น่ารักมากลงจากรถเดินหิ้วหมาจากกลางถนนมาวางไว้บนฟุตบาทริมถนน เราเดินไปถึงพอดีก็ถามเขาว่า มันเป็นอะไรหรือเปล่า เขาพูดว่าน่าจะขาหัก เขาตอบแล้วไปเลย เพราะรถคงติดกันมากแล้ว เราก้มมองเห็นว่าเขาเป็นลูกหมา ก็เอื้อมมือไปจับบอกว่าอย่ากัดนัจะพาไปหาหมอนะ เขาก็ดีให้จับไม่ดื้อเลย อุ้มมาที่รถ link เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวไว้เพราะไม่รู้ว่ามีเลือดออกตรงใหนบ้าง เราไม่กล้าขยับหรือพลิกตัวเขา เพราะกลัวเห็นเลือด และกลัวเขาเจ็บเพราะไม่รู้อะไรหักบ้าง ห่ออุ้มมาวางที่หลังเบาะ เขาเงียบตลอดทางไม่โวยวาย พาไปหาหมอ หมอกำลังผ่าตัดอยู่เลยให้เอาตัวนี้ใส่กรงก่อน ให้มารับตอนเย็น เราเห็นมันน้ำลายฟูมปากย้อยหยดติ๋งๆเยอะแยะก็บอกหมอๆบอกไม่เป็นไรๆ เราก็บอกฝากไว้ก่อนเพราะจะไป....กลับมาค่ำ แต่จะให้คนงานมารับ

เกือบบ่ายจึงได้กลับบ้านทานเที่ยง บ่ายสองเศษคนขับมารับจะไปเยี่ยมหลวงพ่อในป่า วันสงกรานต์ไม่ได้ไป แต่มีเหตุมาคั่นก่อนเลยอยู่คุยอีกชั่วโมงเศษ เลยได้ไปตอนบ่ายสามเศษเกือบสี่โมงแล้ว คนขับเหยียบตลอดทางเพราะกลัวฝนตก โชคดีที่คราวนี้สะพานที่พังไป 2 ช่วงซ่อมเสร็จแล้ว เป็นปีที่น้ำเซาะพังไป เลยขับได้เร็วขึ้น อยู่สนทนาประมาณชั่วโมงกราบลากลับ

ระหว่างทางโทรบอกคนงานให้ไปรับหมาตอนเย็น โทรหาหมอถามอาการ แต่ภรรยาหมออยู่ข้างนอกเลยไม่รู้ คนงานโทรมาบอกตอนค่ำว่าหมาขาไม่หัก ก็เลยหายห่วง ก็นั่งคุยกันว่าลูกหมาตัวนี้โชคดีที่เขาขยันดิ้นขยับขา หาไม่แล้วรถที่ผ่าน 6-7 คันนั้นคงนึกว่าหมาตายกลางถนน อาจไม่หลบ  หรืออาจไม่สังเกตุเห็นเพราะเขาตัวยังเล็ก ทับซ้ำ ก็คงตายไปแล้ว เขาขยันดิ้นเลยรอด และรถแต่ละคันก็ดีที่หลบออกข้างกัน เราและหนุ่มคนนั้นโชคดีเป็นที่สุดที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นได้เกราะคุ้มชีวิตเขาไป 1 ชั้นแล้ว

อยากจะบอกหลายๆคนจังเลยว่า.... หากเจอเช่นนี้ ลองสละเวลาสักนิดลงจากรถมาช่วยเขาเถอะ หากอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย ตามมีตามเกิดเท่าที่ทำได้ แต่อย่าผ่านไปให้เขาดิ้นเจ็บปวดอยู่กลางถนนแบบนั้นเลย เพราะเชื่อว่าผ่านแล้วคงไม่สุขใจ ทุกครั้งที่นึกได้

ชีวิตทุกชีวิตย่อมรักชีวิตตัวเองทั้งสิ้น มีเจ็บ มีกลัว และต้องการมีชีวิตต่อไป 

 ชีวิตย่อมมีค่าสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของชีวิตเสมอ

พรุ่งนี้จะถ่ายรูปเขามาลงไว้ วันนี้ยังไม่ได้เจอเขาเลยไม่รู้เหมือนกันว่าสวยไหม

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

18 April: "ข้าราชการสีขาว"


บัว 4 เหล่า คนหลากหลายจำพวก

เช้าไปวัด วันนี้พระอาจารย์ฉันเสร็จได้ยินเสียงโมจิเห่าคำรามออกมาดูเจอตัวแย้ ตกใจ ไม่เคยเห็นชัดเจนขนาดนี้มาก่อน ตัวสีดำเทามีลาย ตัวใหญ่ดุด้วย ฟู่ๆๆ ตลอด โมจิเห่าไม่ถอยเลยน่ารักมาก สุดท้ายเด็กๆมาช่วยกันทำสายคล้องจับไปปล่อยในคูเมืองต่อ พระอาจารย์บอกมันมาเที่ยวในวัดหลายครั้งแล้ว

กลับบ้านไปจัดการสั่งซื้อของ วันนี้ยุ่งกะหลายเรื่อง ไปฟังเรื่องคอรัปชั่นของข้าราชการหน่วยงานหนึ่งในระดับหัวหน้าใหญ่ที่ถามผู้ที่เข้าไปติดต่อธุระว่า  .."แล้วไม่มีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้หน่อยหรือ "  จริงๆเรื่องแบบนี้ไม่น่าแปลกใจในสังคมไทยยุคนี้ที่ปากกัดตีนถีบ กระทั่งมีเครื่องแบบสวมใส่ แต่ใจเป็นทาสความโลภ ก็ทำตัวไม่สมศักดิ์ศรี ....วันนี้ฟังเขาเล่าแล้วก็เศร้าอีก คิดว่ายุคนี้มี " ข้าราชการ" " ข้าแผ่นดิน" ที่มือสะอาดจริงๆเหลืออยู่อีกบ้างไหม อยากเจอจัง อยากตั้งก๊วน "ข้าราชการสีขาว"  จังเลย อย่างน้อยมีสักสิบคนในแผ่นดินไทยที่กล้าประกาศตัว ออกมายืนประกาศตัวได้จริงๆจะดีไม่น้อย (ให้มีคนค้านด้วยหากไม่จริง) น่าเสียใจที่อุตสาห์มีเครื่องแบบสวมใส่ แต่ใจไม่มีสำนึกในหน้าที่ ศักดิ์ศรี เจอกับตัวเองที่ทั้งรีดไถ ปลอมแปลงเอกสารสารพัด ทำได้ไม่ละอาย ทั้งที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน  เรากล้าประกาศตัวเอง คนหนึ่งล่ะ ตลอดชีวิตราชการ ไม่มีการทำสิ่งที่ผิดต่อแผ่นดิน ไม่ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่เสียชาติที่เกิดเป็นคนเพื่อต่อบุญ ภูมิใจ และขอบคุณบุพการี คุณครู และครอบครัวที่เป็นตัวอย่าง อบรมสั่งสอน จนเป็นเรา

ภาษิตไทยกล่าวว่า "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน"  สำหรับเราแล้ว "ซื่อ สุขไม่หมด  คด สุขไม่นาน"

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

17April: ช่วยป้องกันบ้านของนก




นกกระจอกหน้าบ้าน


เช้าไปวัด พา yiching  ไปฝากชั่วคราว ไปหาเสาเข็ม กลับบ้าน คุณสัจจะมาทำงานเช้ามาก วันนี้รู้จักภรรยาเขาด้วย แต่เรากำลังยุ่งเลยไม่ได้คุยอะไร ทักทายอย่างเดียว

ตอนสายคนงานข้างบ้านเผาหญ้าต้นไม้ที่รื้อถอน ทั้งๆที่เราบอกเจ้าของบ้านที่มาคุมงานว่าอย่าเผาใต้ต้นไม้นะ เพราะมีลูกนก และนกมากมายจริงๆ หิ่งห้อยด้วย สุดท้ายเขาก็เผาตรงนั้น link เห็น เราออกไปดูเห็นไฟกำลังลุกเลยวิ่งไปหลังบ้านเขา ไปเอาถังน้ำรองน้ำมาดับไฟ เรากำลังหิ้วได้ถังที่สาม กิ่งมาช่วยต่อสายยาง link มาช่วยฉีด เฮ้อ!  คนเราบางคนก็จิตกระด้างมากจริงๆ จะเผาอะไรไม่มองโดยรอบเลย ไม่คิดอะไรไม่ว่า แต่หากมีคนเตือนแล้วน่าจะฟัง เข้าใจบ้าง ชีวิตใครๆก็รัก บ้านใครๆก็รัก ต้นไม้เป็นที่เดียวที่นกเล็กๆได้อาศัย ควันไฟรมลูกนกก็ตายหมด ลูกนกกางเขนของเราแม่นกเขาก็พาไปอาศัยที่นั่น ตอนเช้าก็ขนกันลงมาหาหนอน ร้องเพลง


ป่าหลังบ้าน


นกกางเขนหาอาหาร


 เที่ยงโตชวนไปบ้านสาวที่ริมน้ำ ก็ชวนกิ่งไปด้วย ไปทานขนมจีนปูกันก่อน ไปบ้านสาวตั้งแต่บ่ายจนบ่ายสามเศษ ฝนตกหนัก ดีมากร้อนมาหลายวัน ในที่สุดเสาเข็มก็มา 18400 บาท

ค่ำนี้สาวแวะมาข้างบ้านเลยแนะนำต้นไม้ให้รู้จัก และนัดกันว่าวันไหนจะซื้อต้นไม้ก็บอกมาจะพาไปดูกัน

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

16 April:


ชาวบ้านจับกุ้งที่คลองหลังบ้าน


วันนี้ฮังการีมาบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมลูกเมียที่เกิดอุบัติเหตุที่ประเทศเขาเลยไม่สามารถทำกำแพงได้ ก็ ok เราเสียเงินไปกับการเตรียมตรงนี้เกือบหมื่น แต่ช่างเถอะ ! ไม่มีอะไรดีขึ้นหากพูด จบเลยน่ะดีแล้ว ค่อยเริ่มใหม่อีก หุ หุ

ข้างบ้านก็สนุกกับการเกลี่ยดินด้วย วันนี้สั่งรถใหญ่มาลุย

วันนี้จองที่พักแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

15 April: คุณลองกอง

ดาหลา ที่ร้านอาหาร

วันนี้เช้าคุยกะข้างบ้านเป็นชั่วโมงด้วยเรื่องจิปาถะ 11.15 ชวนกีกะแปะ ไปไหว้ สรงน้ำพ่อท่านเขียวที่วัดโฉลก เป็นงานประจำปีของวัด มีงานสรงน้ำวันที่ 20 นี้  ท่านดับมานานมากจนไม่ได้มีการบันทึกว่ากี่ร้อยปีมาแล้ว แต่วัดนี้อายุ มากกว่า 750 ปีแล้ว พ่อท่านศักดิ์สิทธิ์มากชนิดที่แก้บนประทัดได้ทุกวันจนแดงเถือกบนพื้นด้วยเศษประทัดเต็มไปหมด (เคยเอารูปมาลงเมื่อปีที่แล้ว)






ถ่ายจากจุดที่นั่งลงไปด้านล่าง


ก่อนไหว้พระแวะไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารคุณลองกอง มีที่พักด้วย ไปแต่ละครั้งก็มีการปรับปรุงที่พักเพิ่ม วิวดีแบบธรรมชาติสบายๆ แต่อาหารบางรายการดี บางรายการต้องบอกว่า ค่อนข้างแย่ เพื่อนที่ไปด้วยกันสั่งไก่บ้านทอดเกลือ มาเป็นกระดูกคอ 3 ชิ้น กระดูกปีก 2 ชิ้น กระดูกข้อน่อง 1 ชิ้น กระดูกตัวที่ติดเนื้อไม่มาก 2 ชิ้น เนื้อไม่มีกระดูก 2 ชิ้นเล็กๆ ดังนั้นจานนี้เห็นแล้วแปลกใจ ทำไมมันน้อยขนาดนี้ แต่เห็นราคายิ่งแปลกใจจานนี้ 100 บาท (ทุกคนบ่นว่าแพงมาก เพราะเป็นเนื้อติดกระดูกที่กระจายได้แปลกมาก ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเปะปะ)  รายการต่อมาเป็นยำคุณลองกอง รสชาติก็ใช้ได้แต่แปลกอีกที่มีหมูปั้นลูกเล็กๆทอดดูเผินๆเหมือนลูกชิ้นใส่ปนกับกุ้ง(อันนี้เพื่อนช่วยพิสูจน์ เพราะเราไม่ทานหมู)  กระเพาะปลาแห้ง กุ้งสด(สดดี)  กุ้งเสียบ  ปลาหมึกที่มีอย่างละน้อยชิ้น  อีกรายการคือฉู่ฉี่ปลาดุกทะเล ซึ่งเป็นปลาดุกรุ่นหลานเพราะตัวเล็กบางไปหน่อย  อีกถ้วยคือใบเหลียงต้มกระทิ กุ้งสด อันนี้กุ้งดีสด แต่กระทิแตกมันมากไปและกระทิค่อนข้างใส เลยไม่ประทับใจ รายการที่ค่อนข้างดีทีเดียวของที่นี่ก็คือเมี่ยงปลาสำลี รายการนี้รสชาติดี ใช้ปลาขนาดกลาง  แต่ราคาสูงไปเมื่อเทียบกับที่อื่นในราคาเดียวกัน (350 บาท) ที่ปลาตัวใหญ่กว่า น้ำเปล่า 2 ขวด ข้าว 4  จาน กาแฟ 1 แก้ว ราคารวม 870 บาท ถ้าคะแนนเต็ม 10 ขอให้ 6 คะแนน สำหรับวันนี้ เสียดายตกใจกะไก่ทอดตอนแรก เลยลืมคิดถ่ายรูปอาหาร แปลกไม่อยู่ในความคิด แต่ถ่ายทิวทัศน์รอบร้านมาแทน บ้านพักที่เขามีให้มาพักได้ก็ธรรมดา สะอาด สบายตา ถือว่าใช่ได้ถ้าอยากปลีกวิเวก

กลับมาไหว้พระ นั่งคุยกับเจ้าอาวาส เราถวายปัจจัยทำบุญ ท่านให้ขนมจากมาเยอะมาก วันนี้เพิ่งสังเกตุเห็นว่าหน้ากุฎิท่านต้นไม้รกมากไป ทางเดินแคบลง แปะเลยบอกให้ท่านจัดการใหม่ ปรับฮวงจุ้ยให้ดี  กลับเกือบบ่าย 4 โมง ท่านให้รูปเหมือนหลวงพ่อท่านเขียวมาด้วย

กลับมาแวะไปเที่ยวแถวที่เห็นจาก google earth  ว่าแปลก แวะไปดู กลับบ้านก็ เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว เด็กๆหิวข้าวกันแล้ว วันนี้เลยให้ปลาทอดมากมาย

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

14 April:


เช้าไปวัด สายช่วยต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่มาสักการะพระอาจารย์ ไปซื้อของ กลับบ้านเที่ยง ทานอาหาร แล้วซักผ้า ตอนแรกตั้งใจซักเล็กๆแค่ 3 ชิ้น พอเริ่มจริงก็คิดว่าน่าจะเพิ่มอีกๆๆ จนได้ 10 ตัว  เลยมานั่งเมื่อยแขนเอาตอนค่ำ สังขารหนอ ตั้งใจจะไปวัดสวดมนต์เย็น เลยไม่ได้ไป ยกแขนแทบไม่ได้ ทายาคนแก่อยู่ เป็นระยะ
  เจ้าไก้เตี้ยตัวนี้ไปเกิดใหม่แล้ว วาวากัดเพราะเขาเข้าไปในรั้วกุฎิพระอาจารย์ วาวาเล็งไล่มาหลายครั้งแล้ว ก็ห้ามแล้วไม่ฟังทั้งสองฝ่าย ตอนนี้เลยเหลือตัวผู้อีกคู่ เฮ้อ!  ความประมาทและความดื้อผิดๆเป็นทางแห่งความตายจริงๆ

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

13 April: วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย


ดอกเล็บมือนางหลังบ้าน


คลองหลังบ้าน

วันนี้วันสงกรานต์ ปีใหม่ของคนไทย ขอให้ทุกท่านที่ได้เข้ามาเจอกัน ณ.ที่นี้ มีความสุขสดชื่น สดใส เบิกบาน เหมือนดอกไม้ยามเช้า และให้ชีวิตเย็น สงบ สบาย เหมือนธารน้ำที่ใสสงบ นะคะ :)


ไม่ได้ไปไหน กลัวเปียกน้ำ หุ หุ เขียนหนังสือ โทรอวยพรปีใหม่ผู้ใหญ่ที่อยู่ไกล

เย็นออกไปพาเด็กๆไปเดินเล่น ยืนดูนกริมคลอง ถ่ายรูป ออกไปหลังบ้านจ๊ะเอ๋กะงู มันเห็นเราก่อนเพราะตอนเราเห็นมันกำลังเลี้ยวกลับตัว วิ่งจุกออกข้ามรั้วไปเลย เร็วจริงๆ ขนาดตัดต้นไม้ รื้อหญ้าออกแล้วนะนี่

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

12 April:


ดาหลาขาว หลังบ้าน

เช้าไปวัด แล้วรีบกลับมารอช่าง วันนี้เป็นอีกวันที่วุ่นวายมากกะฮังกาเรียน 2 คน คุณโตต้องมาช่วยบอกว่าจะสอนงานให้ฝรั่งเอง เฮ้อ! ต้องรบกวน อีก

ค่าตัดต้นไม้ 3000 บาท ค่า clear พื้นที่ 15000 บาท ตอนนี้สะอาดตาไปมาก สวยจริงๆ

สองวันมานี่ไม่ได้เขียนหนังสือต่อเลย เหนื่อยจังกับการทำงานกับฮังกาเรียนที่พูดไม่ถนัดทั้งไทยและอังกฤษ เราเลยกลายเป็นแบะๆ พูดฟังฮังกาเรียนไม่ได้เลย
เย็นนี้ไปทานข้าวกะเพื่อนฉลองความสำเร็จเบื้องต้นของเขาที่จัดการที่จะเปิดร้านขายอาหารสำเร็จ

โอนเงินให้เวี้ยด 100,000 บ. ช่วยตกแต่งบ้าน

วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

11 April:แผ่นดินไหว/สึนามิ เล็กๆ


วงแหวนแห่งไฟ หายนะแห่งภัยธรรมชาติ
ที่มาภาพ http://hilight.kapook.com/view/57074

วันนี้ยุ่งกะการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจนถึงบ่าย เย็นฮังกาเรียนมาตัดต้นไม้จนเกือบทุ่ม

ตอนเกือบ 4 โมงเย็นไปยืนคุยกะโนนี่ที่ริมแม่น้ำ link ก็ยืนมองน้ำที่ริมคลองหลังบ้านจู่ๆก็เห็นน้ำมีการเคลื่อนที่แปลกมาก ตอนนั้นทุกคนคงเห็นแต่ขอดูภาพซัำก่อนให้แน่ใจ ในที่สุกปากเราก็พูดก่อน ว่าดูน้ำนั่นสิแปลกดีนะ link บอกว่าไช่เหมือนเกิดสึนามิเลย แล้วก็หัวเราะกันเพราะถ้าเป็นที่ว่าต้องเป็นสึนามิจิ๋ว เพราะที่เห็นคือมีน้ำถูกดูดเข้ามาข้างในฝั่งแล้วถูกอะไรไม่รู้ผลักดันออกไปสองข้างเหมือนกับการถูกดูดออกไปแหวกเป็นแนว แล้ววกกลับมาด้วยความแรงและยกตัวสูงประมาณเกือบคืบ  link อุทานว่าเหมือนสึนามิเลยนะ แต่ก็หัวเราะเพราะไม่คิดอะไรกันแต่ที่พูดอุทานว่าแปลกนะมีคลื่นกระแทกเข้ามาได้ยังไง เพราะทั้งคลองน้ำนิ่งมาก ไม่มีลม ไม่มีคลื่นแต่น้ำติดฝั่งเป็นแบบนี้ได้ไง  แล้วเดินเข้าบ้าน มานั่งออกแบบกำแพงที่จะทำใหม่ นั่งบนม้านั่งเตี้ย แล้วรู้สึกว่าพื้นบ้านโยกเยก แต่คิดว่าตัวเองผิดปกติเหนื่อยเกินไปหรือวิงเวียน เลยรีบนั่งหลับตาทำจิตนิ่งทันที ก็รู้ว่าไม่ได้ปวดหัวหรือผิดปกติจากตัวเราแต่มีอะไรที่อยู่นอกตัวผิดปกติ เลยรีบเรียกสามีมาลองนั่งเก้าอี้ดู ต้องอธิบายให้ฟังว่ารู้สึกอะไร จนเขาบอกว่ารู้สึกแล้วบ้านเลื่อนไปซ้าย ขวาเฉียงๆ ครู่ใหญ่จริงๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าเกิดแผ่นดินไหว อีกครู่จึงเห็นช่อง 3 ออกข่าวมีสึนามิ เลยรู้ว่าที่เรารู้สึกเป็นจริง

ตอนอยู่ที่ลอนดอนก็เคยเจอแบบนี้แต่ตอนนั้นเครื่องแก้วในห้อง lab มันสั่น และกระทบกันจนมีเสียงกิ้งๆๆๆๆ ตอนที่เริ่มไหวอยู่ในห้อง lab แต่คิดว่าเราวิงเวียนเอง พอเสียงเครื่องแก้วสั่น  พวกนศ.อังกฤษในห้องตะโกนทันทีว่าแผ่นดินไหว สัญญาณไซเรนดังลั่นตึก พวกเราผู้ถูกสอนให้รู้จักการตอบสนองต่อเสียงไซเรนอย่างดี (ซ้อมบ่อย) ก็วิ่งลงทางกระไดหนีไฟลงกันมา นี่เป็นอีกครั้งที่รับรู้การกระเทือนว่าเป็นแผ่นดินไหว

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

10 Apil: เริ่มจัดการกับต้นไม้


ดอกบัวหน้าบ้าน

วันนี้ไปตักบาตร ไปสายพระท่านกำลังขึ้นรถของวัดกลับพอดี ไปตัดหน้านิมนต์รับบาตร ก็มีอีกคนมาตักบาตรต่อด้วย ได้บุญกันจัง หุ หุ

กลับบ้านมารอช่างฮังกาเรียน วันนี้จัดการเรียบร้อย ในที่สุดไม่มีต้นอะไรเหลือเฮ้อ วันนี้จ่ายก่อน 10,000 บาท

วันนี้แค่ยืนเชียร์ เมื่อยมากเลยค่ำนี้ สงสัยจะแก่ ไม่ไช่ไกล้แก่แล้วมั้ง

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

9 April:วันพระราชทานเพลิงพระศพ ฯ

เช้าเรากะ link ไปสนามบินรับพระอาจารย์ที่กลับมาจากการไปสวดมาติกาฯเมื่อวานค่ำที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เห็นในโทรทัศน์ด้วย ได้พัดตาลปัตร และย่ามถวายมา

วันนี้นกกางเขน ขนลูกไปหมดแล้ว รังว่าง เห็นแล้วใจหายทันที คิดถึง ตอนเย็นได้ยินเสียงพวกเขาร้องเพลงกัน แต่ไม่เห็นตัว แต่ดีที่หลายวันนี้ได้ถ่ายรูปพวกเขาเก็บไว้พอควร

วันนี้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เราติดตามข่าวช่วงเย็น เอาภาพจากที่มีคนถ่ายไว้มาเป็นที่ระลึกข้างล่างนี้





ที่มาภาพจาก sanook.com  และ kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

8 April: ลูกจ้างยุคใหม่


กระดังงาสงขลา หอมเย็นๆ

วันนี้เช้ามีนัดกับบริษัทรถ ไปเปลี่ยนที่ท้าวแขนที่หนังมันถลอกขาดที่งซ้ายขวาเลย ไม่รู้เป็นได้ไงเหมือนกัน ปรากฎว่าไปถึงตั้งแต่ 08.20 กลับออกมาเกือบ 9.00 น นั่งใจเย็นในรถเรื่อยๆ เพราะรอจนท.คนที่ 1  คนที่สอง ก็มาขอเอกสารการสั่งซื้ออีก เช็คไปมาปรากฎว่าเพิ่งมาบอกว่าวันอาทิตย์มีเฉพาะการบริการเปลี่ยนน้ำมัน ไม่มีเปลี่ยนอุปกรณ์ งง! แล้วเมื่อวานทำไมไม่บอกตอนโทรมาแจ้งเราว่าของมาแล้ว เราบอกไปว่าจะไปทำพรุ่งนี้ เปิดหรือเปล่า ก็ยังตอบว่า ครับเปิด แถมยังบอกว่าใช้เวลาทำชั่วโมงเศษ นี่ก็เหมือนกัน แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนให้นั่งรอเสียเวลา แต่ก็ไม่อยากไปเอาเรื่องใคร ไม่เกิดประโยชน์ ....ก็เลยไปเทสโก อะไรๆก็ไม่เปิด จะไปจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ เขาบอกว่าต้องรอ 9.30 น ก็เลยดูเวลา อ้อ 9.23น ต้องรอ 7 นาที เพราะจนท.รับเงินกำลังนั่งแต่งหน้า เครื่องสำอางยังกองอยู่หลายชิ้น ก็เลยเดินแกร่วๆ สักครู่  ระหว่างรอเดินแวะไปที่ร้านติดกัน จะถามเรื่องที่ติดโฆษณาช่องดาวเทียมของทรูมูฟ เดินหลายรอบเพราะจนท.นั่งคุยมือถือ เขาเห็นเรา เราก็ไม่ว่าอะไร เดินออกมา แล้วแวะกลับไปอีกก็ยังคุยไม่หยุด เราก็เลยยืนๆรอ อีกครู่ เขาก็ถามนิดหนึ่งว่าจะทำอะไร เราก็บอกว่าจะถามข้อมูลติดจาน เขาก็พยักหน้าแล้วคุยโทรศัพท์ต่อ ก็เลยเดินออกจากร้าน แล้วก็คิดนะว่า ลูกจ้างยุคใหม่ คนเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้ ไม่มี service mind กันแล้ว ต่างจากคนยุคก่อนมากเลยที่ customer is the king ตอนนี้ if u want, u have to wait.. wait.. ไม่ยิ้ม ไม่มีหางเสียง เหมือนใครบังคับให้มาทำงาน หรือเราไปรบกวนอะไรเขา ไม่มีการปลูกฝังมีความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัท ให้รักองค์กร ถ้ารัก ก็คงต้องกุลีกุจอขาย หรือบริการ น่าสงสารเจ้าของสินค้า กิจการนั้นๆนัก เราเองก็ไม่ได้ขาดแคลนที่จะต้องได้ ต้องมี เลยไม่รอ และไม่เข้าไปอีก

วันนี้เลยได้แค่เกาลัด ขนมเค็ก กลับบ้าน อยู่บ้านทั้งวัน เย็นดูถ่ายทอดพิธีฯ

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

7 April:

ซันวา หมาน้ำ เล่นน้ำที่ลำธารทั้งวัน ไม่รู้ขุดหาอะไร

สายวันนี้ออกไปซื้ออาหารให้เด็กๆ กลับบ้านเขียนหนังสือต่อ หยุดถ่ายรูปนกเป็นระยะเช่นเคย ความสุขเล็กๆ ชอบมากเวลาจับอิริยาบทน่ารักๆของพวกเขาได้ วันนี้ไม่มีอะไรสบายๆ

 เย็นฮังกาเรียนมาบอกว่าจะใช้รถใหญ่มาลอกโคลน กะต้นไม้ เราบอกว่าช่วยทำเสนอราคามาก่อน (กลัวจะโดนแบบบ้านก่อนหน้านี้ที่กระโดดจากสี่หมื่นเป็นเก้าหมื่น แถมไปมีเรื่องกับผู้หญิงของเขาอีก แบบนั้นไม่อยากเจอ เลยต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรดีกว่า) อากีกลับมาแล้ว ยังไม่เห็นหน้าเลยไม่รู้ว่าทำหน้าใหม่แล้วเป็นไง หุ หุ

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

6 April: วันจักรี/พายุงวงช้าง


เช้าไปวัด ไปสนามบินเปลี่ยนตั๋ว แวะทานก๋วยเตี๋ยว ก่อนพระเพลเสียอีก เพราะจะรีบกลับมาเขียนหนังสือต่อให้ยาว ฝนตกเล็กน้อย ซ่อมที่ปิดรังให้ลูกนกเพิ่ม

วันนี้ไม่ได้ไปทำวัตรเย็น แต่สวดมนต์ที่บ้านตามปกติ

เกิดพายุงวงช้างที่สิงค์โปร์ ภาพถ่ายสวยเลยเอามาไว้ในนี้ ดูสงบแต่น่ากลัว  ข่าวย่อๆดังนี้

"...นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า waterspout หรือ ที่ประเทศไทยเรียกว่า พายุนาคเล่นน้ำ หรือ พายุงวงช้าง และภาพพายุงวงช้าง ที่ทุกท่านเห็นนี้ เป็นภาพที่ถ่ายได้จากทางตะวันออกเฉียงใต้ของชายฝั่งประเทศสิงคโปร์ โดยช่างภาพนามว่า เจอร์รี่ หลิว ซึ่งถ่ายได้จากนอกระเบียงอพาร์ทเม้นต์ของเขาซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล...หลิวบอกว่า มักมีปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งตามชายฝั่งทะเลในสิงคโปร์ ..........

พายุงวงช้างนั้น เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากลมพัดวนบิดเป็นเกลียว เห็นได้จากเมฆที่มีลักษณะเป็นลำ หรือเป็นกรวยหัวกลับยื่นลงมาจากฐานของเมฆฝนฟ้าคะนอง และเห็นได้จากพวยน้ำที่พุ่งขึ้นมาเป็นพุ่ม ประกอบด้วยหยดน้ำพุ่งเป็นฝอยขึ้นจากผิวพื้นทะเล มีลมแรงพัดเข้าหาบริเวณศูนย์กลางของพวยน้ำ ยอดของพวยน้ำอาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างไปจากฐาน ทำให้แกนเอียงหรือบิดเบี้ยวแล้วหลุดออกจากกันและสลายตัวไป เกิดขึ้นได้สองแบบ คือ เป็นพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นเหนือผืนน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นทะเล ทะเลสาบ โดยพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เกิดอากาศหมุนจากบนลงล่าง ส่วนอีกแบบ คือ เกิดจากการที่มวลอากาศเย็น เคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า ทำให้อากาศที่ติดอยู่กับผืนน้ำจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงพุ่งเป็นเกลียวขึ้นไป นั่นคือ อากาศหมุนจากล่างขึ้นบน
ส่วนขนาดของพายุงวงช้างส่วนใหญ่ยาวประมาณ 10-100 เมตร แต่บางครั้งยาวมากถึง 600 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางก็พบได้ตั้งแต่เล็ก ๆ แค่ 1 เมตร ไปจนถึงหลายสิบเมตร โดยในงวงช้างแต่ละอันอาจมีท่อหมุนวนเพียงท่อเดียวหรือหลายท่อก็ได้ โดยแต่ละท่อจะหมุนด้วยอัตราเร็วในช่วง 20-80 เมตรต่อวินาที กระแสลมในตัวพายุเร็วถึง 100-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถคว่ำเรือเล็ก ๆ ได้สบาย "
ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/69714

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

5 April:วัดราษฎร์บูรณะ (วัดนอก)


น่าจะ กก หน้าบ้าน

เช้าไปรับตั๋ว ยืนคุยกะหนุ่มข้างบ้านอยู่นาน ก็เรื่องความไม่รับผิดชอบของพวกสารพัดช่างที่เจอๆกัน เงินเอา แต่ทิ้งงาน เที่ยงครึ่งไปหลังสวน ชุมพร พระอาจารย์ไปเยี่ยมเจ้าอาวาสวัดราษฎร์บูรณะ (วัดนอก) ท่านป่วยเพิ่งออกจากรพ.และดูงานที่วัดนอกเตรียมจัดงานผูกพัทธสีมา พระอุโบสถใหม่ เป็นพระอุโบสถแบบเปิด ที่พระอาจารย์มีส่วนในการออกความคิดในเรื่องรูปแบบของพระอุโบสถแบบเปิด สร้างเสร็จสวยงามแบบธรรมชาติดีมาก

วันนี้ไปวัดอยู่ระหว่างเตรียมงาน งานเริ่มวันที่ 7 เมษายนนี้ อยากให้คนไปร่วมงานมากๆ ทำบุญช่วยวัดมากๆ เราเคยไปตอนหล่อพระประธาน ตอนนี้ก็งดงามมาก พรุ่งนี้จะเอารูปไปลงบล็อก Meepole's silent corner ...มีอะไรๆที่น่าดูมากๆๆๆ

 มา เพิ่มเติม  ว่าเอาไปลงแล้ว  http://meecorner.blogspot.com/2012/05/blog-post_18.html
พระอาจารย์แวะไปเยี่ยมวัดแหลมทราย ที่กำลังมีการฝึกอบรมวิปัสนาจารย์ทั่วภาคใต้

แล้วกลับมาเยี่ยมวัดกลางใหม่ ที่กำลังเตรียมสถานที่ ไว้เป็นที่ร่วมถวายดอกไม้จันทน์ประกอบพิธีร่วมไว้อาลัยในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ในวันที่ 9 เมษายน 2555 จะเริ่มตั้งแต่เวลา 14.30 น

เราและ link กลับถึงบ้าน 17.30 น. เห็นน้ำเต็มกาละมังหน้าบ้าน ฝนคงตกมาก เลนรีบไปดูลูกนก ทั้งสามว่าเป็นไงบ้าง และก็ซ่อมแซมรอบๆที่ใบทองกวาวหล่น

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

4 April: เรื่องไม่มีตัวตน2: เรือเปล่า


ช่วงนี้โฮยา ที่บ้านออกเยอะมาก หลายสิบช่อระโยงระยางเต็มไปหมด

วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน ตอนสายสุเอาโทรศัพท์มาให้เลือก 3 รุ่น เลยเลือกรุ่นกลาง ตอนนี้เป็นสาวก sumsung เต็มตัว คอมฯ sumsung ,taplet galaxy , วันนี้ก็อีกแล้ว

บ่ายก็เขียนหนังสือต่อ เขียนบล็อกเพิ่มเติม เรื่องไม่มีตัวตน2: เรือเปล่า http://meecorner.blogspot.com/2012/04/2.html

วันนี้ข้างบ้านกลับเข้ามาอยู่อีก/ฟ้าร้องครืนๆแต่แห้ว


เมื่อวานเขาลืมตา และอ้าปากขออาหารเวลาเราไปจับรัง ขนงอกมากขึ้น

เฝ้าถ่ายรูปนกเป็นระยะๆ น่ารักมาก แล้วจะเอาไปลงเป็น series  เห็นความห่วงของแม่นก แล้วสะท้อนถึงคนรุ่นใหม่ที่ไข่ทิ้ง หรือไม่ก็พวกที่ทำแท้งได้โดยไม่อยากรับผิดชอบ

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

3 April: เชงเม้ง

นกกางเขนมาเกาะที่ระเบียงหน้า

วันนี้ไปไหว้เชงเม้งดีใจที่ทุกปีได้ไปไหว้และคุยกะเหล่าม่า เหล่ากง  วันนี้บริจาคดินที่จะใช้ถมบริเวณสุสาน   1 คิว 500 บาท  แล้วไปวัด ไปส่งพระอาจารย์ที่สนามบิน ท่านไปบรรยายที่อยุธยา ไปจองตั๋วแต่ไม่สำเร็จ  เพราะ ต้องรอครึ่งชั่วโมงจึงจะมีพนง.มาจำหน่าย ไม่อยากรอ เลยต้องกลับมาจอง 0nline

วันนี้ไม่ได้เขียนหนังสืออีก เพราะยุ่งเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะการจองตั๋วที่ไม่เคยใช้บริการอันใหม่นี้ ก็เรียนรู้ไปอีกแบบ

วันนี้ลูกนกลืมตาแล้ว ขนยาวออกมาตลกดีแข็งๆเหมือนขนเม่น ตอนเย็นเดิยผ่านได้ยินเสียงเขาเริ่มร้องจิ๊บๆเบาๆแล้ว คงรอแม่มาป้อนหนอน

เย็นหยีมาคุยด้วยแต่เรารีบจะไปรับตั๋ว เลยขากลับแวะไปคุยที่บ้านเขาจนทุ่มนิดหน่อย

ค่ำคนขับมาเอารถไปรับพระอาจารย์

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

2 April:




ขนมเค้กจากพังงา ชอบมากร้านนี้ต้องแวะทุกครั้ง ใส่กล่อง ตามนโยบายลดโลกร้อน

เช้าไปวัด ไปซื้อของเตรียมไหว้เพิ่มเติม ฝนตั้งเค้าว่าจะมาแรงมืดครึ้ม ในที่สุดแห้ว! ไม่ตก ไปทำหลังคาใบทองกวาวให้ลูกนก กลัวฝนตกใส่เปียกอีก

เขึยนหนังสือต่อ ได้ไม่มาก เพราะเสียเวลากับอ่านข้อมูลดิบ และค้นภาพนานไปหน่อย

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

1 April: เริ่มเขียน " ไม่มีตัวตน"


ยังไม่แน่ใจว่าตัวนี้แม่นกหรือพ่อนก ตัวนี้เวียนเอาอาหารมาป้อน

Time fly so fast...เผลอเผลบ 1  เดือนผ่านอีกแล้ว นี่ 1/4 ของปีแล้วนะ เร็วจัง  เช้าไปวัด วันนี้ออกไปวุ่นวายข้างนอก เพราะ link เหยียบแว่นเอียงไปเลย ก้ต้องไปร้านเดิมเพื่อดัดกลับ แต่เขากลับบอกว่าต้องไปที่ศูนย์ในเมืองเลยกลับบ้านก่อน บ่ายออกไปอีก เสร็จธุระก็บ่ายสองกว่าๆ วันนี้ฝนตกหนักโครมเดียว แวะไปซื้อของเตรียมไหว้ด้วย

เย็นช่างกลุ่มฮังกาเรียนแวะมาดูบริเวณที่จะเคลียร์พื้นที่

แวะดูรังนก ว่าเปียกไหม เห็นเด็กๆซุกตัวเลื่อนไปด้านในสุด รังเปียก ไม่รู้แม่นกอยู่ไหน

วันนี้เริ่มเขียน "ไม่มีตัวตน" ตอนที่1 (http://meecorner.blogspot.com/2012/04/1.html ) ตั้งใจมานาน คิดว่าว่างๆสบายๅ จึงเขียน แต่ปรากฎว่าคงด้วยถึงเวลากระมังอะไรๆ เลยเข้ามาทำให้ต้องเขียนก่อนกำหนด และในเวลาจำกัดอีกต่างหาก  ..เรื่องนี้จริงๆแล้วยากที่จะเขียน บางเรื่องเขียนหมดไม่ได้ เพราะหากไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การจะรู้บางเรื่องจากการเขียน อาจจะเป็นการสื่อที่เสียง ถ้ามานั่งเห็นหน้าคุยกัน ให้รู้เรื่องไปเลย ง่ายกว่าเยอะเลย การเขียนเรื่องที่ต้องปฎิบัติเองจึงรู้ได้จริง เป็นเรื่องยากที่จะเขียนให้เข้าใจ เข้าถึง แต่ก็อยากจะบอกว่า หากทำตัวให้ไม่มีตัวตนได้จริง ชีวิตเป็นสุข เบาสบายจริงๆ จนต้องประคองสติให้ดี ไม่งั้นจะกลายเป็นตัดโลกไป เพราะว่างสบาย มันเบาจนไม่อยากออกไปแบกอะไรอีก

31 March:

นกเจ้าประจำที่ชอบทะเลาะกัน มีกัน 3 ตัววุ่นวายพอควร

วันนี้เขียนหนังสือต่อ แวะไปดูนกอีก เพิ่งเห็นไข่อีกใบที่ยังไม่ฟักเป็นตัวก็เลยนึกว่ามันเพิ่งวางไข่เพิ่ม ปรากฎว่าย้อนดูรูปเก่าที่ถ่ายไว้จึงสังเกตุเห็นว่ามีไข่เหลือที่ไม่ถูกฟักอยู่ในสุดแต่วันนี้มันหลุดออกมาข้างนอก ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะฟักเป็นตัวรึเปล่า

อากาศร้อน

วันนี้ค่ำไปรับ link กลับจากปฎิบัติธรรมที่วัดภัททันตะ 15 วัน