วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

19 April: ช่วยชีวิตลูกหมากลางถนน

เช้าไปวัด เห็นผอ.ศักดาและภรรยามาทำบุญที่กุฎิพระอาจารย์ แต่ไม่ได้ทักทายเพราะไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัว จัดอาหารเช้าถวาย วันนี้พาชาบูไปหาหมอ เมื่อคืนสังเกตุเห็นชาบูไม่กระดิกหางเวลาพูดคำว่า "พรุ่งนี้จะพาชาบูไป..." แม้กระทั้งเอ่ยชื่อที่ชาบูชอบเช่น ตับๆๆๆ  กุกๆๆๆ  ตือบะๆๆๆ  ซึ่งคำเหล่านี้ถูกใจชาบูยิ่งนักเพราะเป็นของกินที่ชาบูชอบ เลยสงสัยไปจับตัวดู ชาบูตัวร้อน ก่อนนอนก็จับอีกรู้สึกมีไข้เอาผ้าห่มห่มให้  เช้านี้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ไว้ใจ เห็นอึชาบูเป็นสีเหลืองเหนียวๆ (เพิ่งมาคิดออกตอนเขียนว่า หรือว่าเป็นอาเจียน??) เพราะเห็นกองที่หน้ากุฎิเลยเดาเอา มิน่าตอนเช็ดไม่เหม็นแต่ไม่เอะใจ พรุ่งนี้ต้องพาไปใหม่ เฮ้อเราหนอ

ไปซื้อดอกไม้บูชาพระ พาชาบูกลับบ้าน ไปมหาวิทยาลัย ขากลับออกมาบนถนนใหญ่ highway มองเห็นอะไรที่เส้นกลางถนน ดิ้นๆกระดื้บๆแปลกๆ พอเข้าไกล้จึงเห็นว่าเป็นลูกหมาสีดำๆนอนดิ้นยกขาโบกอยู่ก็เดาว่าคงถูกรถชน แต่ด้วยความเร็วรถทำให้จอดทันทีไม่ได้เพราะถนนใหญ่รถวิ่งตามกันมาหลายคัน บอก link ให้จอดข้างทาง และค่อยๆถอยรถไปช่วยเขา ระหว่างนั้นเราเหลียวหลังไปมองเสียวไส้ตลอดเพราะรถตามมาหลายคันเท่าที่เห็น 6 คันที่หลบซ้ายหลีกขวาอ้อมกัน แต่หมายังยกขาชูดิ้นอยู่ เราภาวนาตลอดขอให้อย่ามีคันใดชนเขาซ้ำเลย  ในที่สุดรถเราจอดก็เห็นรถปิกอัฟเบรกจอดตรงหน้าหมาพอดี ชายหนุ่ม (คงเป็นคนงาน) น่ารักมากลงจากรถเดินหิ้วหมาจากกลางถนนมาวางไว้บนฟุตบาทริมถนน เราเดินไปถึงพอดีก็ถามเขาว่า มันเป็นอะไรหรือเปล่า เขาพูดว่าน่าจะขาหัก เขาตอบแล้วไปเลย เพราะรถคงติดกันมากแล้ว เราก้มมองเห็นว่าเขาเป็นลูกหมา ก็เอื้อมมือไปจับบอกว่าอย่ากัดนัจะพาไปหาหมอนะ เขาก็ดีให้จับไม่ดื้อเลย อุ้มมาที่รถ link เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวไว้เพราะไม่รู้ว่ามีเลือดออกตรงใหนบ้าง เราไม่กล้าขยับหรือพลิกตัวเขา เพราะกลัวเห็นเลือด และกลัวเขาเจ็บเพราะไม่รู้อะไรหักบ้าง ห่ออุ้มมาวางที่หลังเบาะ เขาเงียบตลอดทางไม่โวยวาย พาไปหาหมอ หมอกำลังผ่าตัดอยู่เลยให้เอาตัวนี้ใส่กรงก่อน ให้มารับตอนเย็น เราเห็นมันน้ำลายฟูมปากย้อยหยดติ๋งๆเยอะแยะก็บอกหมอๆบอกไม่เป็นไรๆ เราก็บอกฝากไว้ก่อนเพราะจะไป....กลับมาค่ำ แต่จะให้คนงานมารับ

เกือบบ่ายจึงได้กลับบ้านทานเที่ยง บ่ายสองเศษคนขับมารับจะไปเยี่ยมหลวงพ่อในป่า วันสงกรานต์ไม่ได้ไป แต่มีเหตุมาคั่นก่อนเลยอยู่คุยอีกชั่วโมงเศษ เลยได้ไปตอนบ่ายสามเศษเกือบสี่โมงแล้ว คนขับเหยียบตลอดทางเพราะกลัวฝนตก โชคดีที่คราวนี้สะพานที่พังไป 2 ช่วงซ่อมเสร็จแล้ว เป็นปีที่น้ำเซาะพังไป เลยขับได้เร็วขึ้น อยู่สนทนาประมาณชั่วโมงกราบลากลับ

ระหว่างทางโทรบอกคนงานให้ไปรับหมาตอนเย็น โทรหาหมอถามอาการ แต่ภรรยาหมออยู่ข้างนอกเลยไม่รู้ คนงานโทรมาบอกตอนค่ำว่าหมาขาไม่หัก ก็เลยหายห่วง ก็นั่งคุยกันว่าลูกหมาตัวนี้โชคดีที่เขาขยันดิ้นขยับขา หาไม่แล้วรถที่ผ่าน 6-7 คันนั้นคงนึกว่าหมาตายกลางถนน อาจไม่หลบ  หรืออาจไม่สังเกตุเห็นเพราะเขาตัวยังเล็ก ทับซ้ำ ก็คงตายไปแล้ว เขาขยันดิ้นเลยรอด และรถแต่ละคันก็ดีที่หลบออกข้างกัน เราและหนุ่มคนนั้นโชคดีเป็นที่สุดที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นได้เกราะคุ้มชีวิตเขาไป 1 ชั้นแล้ว

อยากจะบอกหลายๆคนจังเลยว่า.... หากเจอเช่นนี้ ลองสละเวลาสักนิดลงจากรถมาช่วยเขาเถอะ หากอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย ตามมีตามเกิดเท่าที่ทำได้ แต่อย่าผ่านไปให้เขาดิ้นเจ็บปวดอยู่กลางถนนแบบนั้นเลย เพราะเชื่อว่าผ่านแล้วคงไม่สุขใจ ทุกครั้งที่นึกได้

ชีวิตทุกชีวิตย่อมรักชีวิตตัวเองทั้งสิ้น มีเจ็บ มีกลัว และต้องการมีชีวิตต่อไป 

 ชีวิตย่อมมีค่าสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของชีวิตเสมอ

พรุ่งนี้จะถ่ายรูปเขามาลงไว้ วันนี้ยังไม่ได้เจอเขาเลยไม่รู้เหมือนกันว่าสวยไหม