วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

27 Dec: ข้างบ้าน..อีกแล้ว


วันนี้เช้า search หาข้อมูลเตรียมเขียนหนังสือในโครงการตำราเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ เคยเขียนครั้งที่แล้ว เรื่องสารชีวโมเลกุล  บ่ายเพื่อนชวนไปซื้อต้นไม้ที่งานดอกไม้ ได้มาหลายต้นตามเคย

เที่ยงนี้เก็บซองพลาสติกของผ้าอนามัยที่ทิ้งข้ามมา2 ซอง พร้อมกับกระดาษเป็นเส้นที่ติดแถบกาว เขียนว่า thermal protect ดูแล้วคิดไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ตกข้างกำแพงทั้งหมดอยู่ด้วยกัน เลยงงๆว่ามาจากไหน ไม่น่าจะมีทางมาได้นอกจากข้างบ้าน (หมอศิริพงศ์) เอาอีกแล้ว คาดว่าเด็กคนใช้น่าจะสอดข้ามช่องกำแพงมา เหมือนที่เคยทิ้งกระดูกไก่ เม็ดมะม่วง ฝาถังโฟมที่บรรจุน้ำแข็ง กระดาษห่อของขวัญ ฯมาแล้ว ช่วงหลังก็มีซองขนม ถุงเป็นระยะๆ ก็เก็บเองเพราะอยู่ตอนหลังสุดของบ้าน อย่างอื่นพอทนได้ วันนี้เห็นของที่ทิ้งแล้วเดินคิด2-3 ตลบว่าต้องไปบอกไหม ไม่อยากมีเรื่องหรอก คิดไปมาก็บอกตัวเองว่าคราวนี้กล้าทิ้งของแบบนี้ถ้ายังเฉยอีกคราวหน้าคงเจอของจริงทิ้งมาแล้วจะพูดไม่ออก ตัดปัญหาไปถามดีกว่าว่า "ช่วยถามให้หน่อยว่าเด็กในบ้านทิ้งมาหรือไม่ เพราะเจอที่กำแพงช่วงหลังบ้านตอนใน" พูดดีกว่าจะได้รู้ว่าต้องห้ามปรามคนในบ้านว่าอย่าทิ้งของมาอีกเลย ก็เอาไปถามเจอลูกชายที่เพิ่งจบมา ก็เรียกเขาแล้วส่งให้ดู ก็ไม่แปลกใจเขาปฎิเสธทันที โดยไม่ถามใคร  และแม่เขาตะโกนออกมาว่าไม่ต้องไปถามใครทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครทิ้งของไปไหนทั้งนั้น แต่ถ้าเอามาให้เขาทิ้งเขาจะทิ้งถังขยะให้ เลยตอบเขาพร้อมยิ้มว่า ขอบคุณมากๆค่ะ จบ จริงๆไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลยตอนไปถามเพราะไม่คิดว่าต้องโกรธ เพียงแต่ต้องการให้ช่วยรับรู้ปัญหาที่เกิด และแก้ปัญหา สักครู่เขาตะโกนถามมาว่าไปเจอตรงไหน ก็เคาะตรงตำแหน่งนั้นให้ได้ยิน เฮ้อ ! แต่สุดท้ายเหมือนทุกครั้งคือไม่มีคำตอบว่า ไช่ ขอโทษ จะสอนเด็กให้  หรือไม่ไช่ถามทุกคนแล้ว เราเข้าใจผิดเอง ก็บอกมา เพราะแต่ไหนแต่ไรก่อนเขามาอยู่ ที่บ้านไม่มีของประหลาดทิ้งเรี่ยราดเรื่อยๆ คงต้องกรวดน้ำให้อีกแล้ว จริงๆไม่เคยคิดอะไรมากต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว แต่ที่แย่ตั้งแต่แรกของคนปกติเลย ที่ส่วนมากเขาจะลืมมองว่าเขาได้เบียดเบียนอะไรเพื่อนบ้านบ้าง การสร้างบ้านของเขาได้ทำความเสียหายแก่เพื่อนบ้านอย่างไร อย่างน้อยรถยนต์เราติดสะเก็ดฝุ่นปูนเต็มไปหมดยังไม่ได้ไปขัดออกเลย ก็ไม่เคยพูดอะไรด้วย เพราะไม่มีประโยชน์ หลายอย่างก็นิ่งๆไว้จะดีเอง

ทำไมเขาไม่คิดนะว่าบ้านเรานอกจากเงียบสงบแล้ว ยังไม่เคยสร้างความลำบากใจให้เขาเดือดร้อน เพียงเขาตระหนักก็น่าจะมีความเกรงใจ เพราะเราก็เกรงใจเขา เรากั้นบ้าน กั้นแนวกันไม่ให้หมาเขาหมาเราเห่าวุ่นวายใส่กันเพราะหมาเขามาตะกายกำแพงเห่า ข้างเราก็ไม่ยอมวิ่งไปเห่าสู้ วุ่นวายเป็นเดือนทุกเย็น เช้า เราเลยจ้างคนมาทำแผ่นเชอร่ากั้นตลอดแนวกำแพงด้านเราเสียไปสี่หมื่นเศษ กั้นด้านหลังที่เขาสร้างบ้านจนชิดบ้านเรา เว้นไว้เพียง 40 cm ผิดกฎหมายด้วยซ้ำ มีหลายคนมาบ้านก็เห็นบอกว่าฟ้องได้มันผิดนะ  เราก็บอกว่าแล้วจะเป็นความให้ร้อนใจกันไปทำไม ของมันเกิดแล้ว เขาทำไปเราไม่เคยว่า คิดมากก็ไช่ทำอะไรให้ดีขึ้น เราก็กั้นของเราเองในที่สุดก็เท่านั้น เราจ้างคนมากั้นเสียไปอีก 78,000 บาท เขามาสร้างบ้านหลังสุดในหมู่บ้านเพราะเขาซื้อที่ต่อจากคนอื่น สร้างทีหลังทำความเสียหายตอนตอกเข็ม ห้องเก็บของแตกลงมาเป็นแนวยาว  พื้นด้านข้างแยกแตกออก เพราะเขาสร้างสระว่ายน้ำในบริเวณตอนหลังตอกเข็ม 36 ต้นเฉพาะตรงบริเวณที่สร้างสระว่ายน้ำ มากเป็นพิเศษกว่าบ้านอื่นๆ  พื้นโรงจอดรถทรุดลง ท่อประปาเลยแตก รื้อยาวตลอดแนว ทุบพื้น ในที่สุดช่างเขาไม่รับผิดชอบ ไม่เป็นไร ก็จ้างช่างเขานั่นล่ะมาทำหมดไป รอบบ้านตลอดแนวด้านเขาทั้งหมด 400,000 เศษ ไม่รู้เขาจะรับรู้ความเดือดร้อนบ้างหรือเปล่าว่า เพียงเขามาอยู่เราเดือดร้อนแค่ไหน  รวมจ่ายค่าเพื่อนบ้านทำความเดือดร้อนให้ 500,000 เศษ ซื้อความสงบ บางทีก็คิดนะว่าก่อกรรมอะไรหนอมีเพื่อนบ้านแบบนี้ (ที่เห็นแก่ตัวจัง) แต่คิดในใจ ถ้าเคยติดค้างกันในชาติปางไหน ก็ขอให้หมดๆไปนะ  สามีบอกว่าจะเชิญเขามาทานกาแฟคุยกันหน่อยว่าเครียดเรื่องอะไร ?  เพราะลูกชายเขามาพูดกับสามีตอนบ่ายว่า "พ่อก็เครียดมาก แต่ไม่ไช่เรื่องนั้น พ่อเป็นคนดีมาก ไม่พูดว่าอะไรใครเลย ที่รพ.ใครๆก็ว่าพ่อดี" เราเลยถามสามีว่า"เรื่องนั้น"ที่ลูกชายเขาพูดคือเรื่องอะไร สามีบอกว่าคงเป็นเรื่องที่พ่อหมอของเขาถูกให้ออกจากราชการเพราะมีคดีทุจริตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (ถ้าไม่ออกก่อนปีหน้านี้ก็น่าเกษียณ) แต่เรื่องนี่เราไม่วิจารณ์ตำหนิเพราะเขาก็ทุกข์พออยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ นอกจากเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ เราไม่ต้องไปยุ่งเพราะไม่รู้ ก็เลยงง ว่าเครียดอะไร ดังนั้นเรื่องทานกาแฟเรายังคิดอยู่ว่าขอเวลาคิดก่อน ว่าจำเป็นหรือไม่? สามีชอบ clear cut แต่เราชอบไม่ยุ่งอะไรเลยดีกว่า ดี หรือไม่ดี เป็นเรื่องที่ใครทำก็รับรู้เอง ไม่มีใครรับว่าตัวเองผิด ทิ้งของมากี่ครั้ง ไม่เคยรับหรือขอโทษเลย  เรื่องคนงานที่เคยมีปัญหา ฯ  เรื่องนี้จึงขอคิดอีกที พูดกับคนที่ควรพูด พูดกับคนมีเหตุผล แต่ภรรยาหมอน่ากลัวจังเลยคิดหนัก คิ คิ