วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หากหน้าบางพอ...ก็ละอายแทนเหมือนกัน


มหาวิทยาลัยที่ดูดีจริงๆ แต่คุณภาพไม่ต้องพูดถึง.................   :(  


เข้าไปอ่าน แวะเยี่ยมเยือนในที่ๆเคยเป็นบ้านเปิดที่ให้เขียนเรื่องราวต่างๆ ไปเจอข้อเขียนนี้ของคุณชัด บุญญา แล้ว touch my heart ตรงกับความคิดเราที่ไม่ได้พูดออกมาในมหาวิทยาลัย  เพราะไม่อยากสีซอ...หรือไม่ก็จะกลายเป็นไม่ได้ไปด้วยไม่ผ่านมาตรฐานของมหาวิทยาลัยแล้วร้อนตัว หุ หุ.. แต่อยากให้อธิการบดีของที่เราอยู่อ่าน และผุ้ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารในระดับต่างๆที่แสวงหาการไปตปท.ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง บางคนเป็นสิบครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แน่นอนย่อมไม่ไช่เงินตัวเองทั้งสิ้น แถมมี pocket money เหลือกลับมาสบายๆอีก แต่นั่นไม่ไช่ประเด็นหลัก มันอยู่ที่สำนึกและความละอายส่วนบุคคลว่าได้ไปโดยวิธีใด หรือความสามารถแบบใหน และไปแล้วได้ความรู้ ความคิดที่นำกลับมาพัฒนาสถาบันอย่างไรและความคิดนั้นทำได้ หรือได้ทำหรือไม่ หากไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้ ก็นำอะไรดีๆที่เห็นมาพัฒนาความรู้ ความคิด ทัศนคติของตนก็ยังดี ไม่ไช่สะสมไว้เขียน CV ว่าไปมาแล้ว 12 ประเทศ สงสารเงินที่ควรจะนำมาพัฒนาคุณภาพนักศึกษาให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้ (การดูงานของราชการเกิดประโยชน์จริง หากคนที่ไปมีความสนใจที่จะเรียนรู้ เพื่อพัฒนา และอ่าน ฟัง พูด ภาษาของเขาออกด้วยตัวเองบ้าง) แต่ที่เคยฟังหลายครั้งก่อนไปตรวจสอบหาที่ชอบปิ้งให้เรียบร้อย ไปถึงรอเวลา shopping กลับหิ้วของที่ได้มาฝากขอบคุณๆๆๆ และสำหรับครั้งต่อไป...และครั้งต่อไป น่าเอ็นดูกันจริงๆ




Ico64
ชัด บุญญา
ข้าราชการบำนาญ (อดีตศึกษานิเทศก์)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่ -แม่ฮ่องสอน)

ให้เขาเชิญมา...ถึงจะไปศึกษาดูงานในต่างประเทศได้ผมละอายจริงๆ

การศึกษาดูงานต่างประเทศ
มีอยู่บ้างสองสามครั้งในชีวิตราชการที่อยากไปศึกษาดูงานต่างประเทศกับพรรคพวกเพื่อนฝูง การที่จะไปต่างประเทศได้แม้ใช้เงินส่วนตัวคณะผู้จัดต้องดำเนินการขออนุญาตจากส่วชราชการในส่วนกลาง พร้อมกับแนบหนังสือเชิญจากหน่วยงานในต่างประเทศไปด้วย คณะผู้จัดซึ่งอยู่ในส่วนภูมิภาคจึงต้องไปขอให้บริษัทัวร์เขาจัดการให้ เราจึงได้ไป ผมคิดถึงกระบวนการของบริษัททัวร์ ที่ต้องมีการสื่อสารกับเครือข่ายในต่างประเทศ ให้เขาไปหาหน่วยงานใดก็ได้ที่อยู่ในข่ายอาชีพของเรา ให้เขาออกหนังสือเชิญพวกเรา แล้วส่งหนังสือเชิญน้นผ่านบริษัททัวร์มาให้เราแนบเพื่อไปขออนุญาตไปราชการศึกษาดูงาน ตรงนี้ละครับที่ทำให้ผมรู้สึกอาย อายต่างประเทศในฐานะคนไทย ที่ต้องการไปแล้วให้เขาเชิญมา อายในกระบวนที่บริษัททัวร์ต้องไปขอให้เขาออกหนังสือเชิญ ยิ่งอายมากขึ้นอีก เพราะคนที่อยากไปมีทั้งที่อยากไปศึกษาดูงานจริง ๆ และเพียงอิงขออาศัยไปเที่ยว จิตใจไม่อยู่กับการศึกษาดูงานสักเท่าไร พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ใช้ล่ามพูดแทนก็ไม่เป็น ผมละอายจริงๆ ครับ
แล้วจะทำอย่างไรดี......
แยกกันได้ไหมครับ ไปเที่ยวก็ไปเที่ยว มีระเบียบเปิดโอกาสให้ไปเที่ยวโดยใช้งบประมาณส่วนตน เพราะการไปเที่ยวต่างประเทศสี่ห้าวันนี่ทำให้คนรักประเทศของเรายิ่งขึ้น ก็คุ้มแล้วใช่ไหมครับ ไปศึกษาดูงานก็ไปศึกษาดูงาน ดูกันจริง ๆ เอามาใช้ หรือปรับใช้กันให้ได้ ไปได้ทั้งใช้เงินส่วนตน และเงินหลวง ก็ต้องมีระเบียบโดยเฉพาะ มิฉนั้นการศึกษาดูงานของราชการก็เป็นการไปเที่ยวดี ๆ นี่เอง ซึ่งแต่ละปีโดยรวมทั้งประเทศผมคิดว่าใช้เงินหลวงจำนวนไม่น้อย ที่เคยเห็นมา กลับมาแล้วก็ไม่ได้อะไรมาเปลี่ยนแปลงให้การทำงานคมชัดลึกสักเท่าไร เพราะการไปไม่มีแผน ไปเพราะงบประมาณเหลือจ่าย หรือ ขยักไว้ให้เหลือเพื่อไปเที่ยวตอนปลายปี..........