วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

My Silent corner (3): เจอซุป... ที่ไม่ไช่แกงจืด


Arms of King's College London

ขั้นตอนการติดต่อระหว่างเรากับมหาวิทยาลัย ในช่วงยื่นเอกสารต่างๆ เช่นใบรับรองต่างๆ หัวเรื่องที่สนใจศึกษา (อย่างน้อย 10 หัวเรื่อง)  และ concept paper ต้องถูกยื่นไปก่อน และทุกอย่างผ่านทาง email ทั้งสิ้น (ตอนนั้น การใช้ electronic mail เพิ่งเข้ามาไม่นาน) เอกสารต่างๆของมหาวิทยาลัย จะถูกส่งมาทางไปรษณีย์ทั้งสิ้น เมื่อทุกอย่างลงตัว ทั้งเอกสารจากกพ. ตั๋วเครื่องบินของการบินไทยที่กพ.จัดการให้  ใบรับรองแพทย์จากศิริราช  เอกสารการตอบรับจาก University of London แล้วก็ถึงเวลาไปผจญภัย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานจริงๆ กลัวการจากคนที่เรารักและรักเรา เกิดรักประเทศไทยสุดขีดว่างั้นเถอะ แต่ในที่สุดก็อยู่บนเครื่องบินจนได้ 11 ชั่วโมงเศษ นั่งอ่านโน่นนี่ ดูภาพยนต์ ฟังเพลง เขียน postcard ที่มีให้บนเครื่อง ทำทุกอย่างเพื่อให้หายเครียด ยกเว้นนอน ไม่ยอมนอนแน่นอน ในที่สุดก็ถึงเวลาเครื่องลงจอดสนามบิน Heathrow ตอนเช้า

ผ่านออกมาจากด่านตรวจ รับกระเป๋าใบโตมากมาย เดินตามๆคนที่เดินออกมา แล้วก็ต้องมองหา supervisor ที่บอกว่าจะมารับ เป็นนัดบอดเพราะเห็นรูปอาจารย์ทางinternet  มองดูป้ายชื่อที่มีคนยกชูมากมายว่าจะมีชื่อเราไหม  แป่ว ! ไม่มี เดินออกมาจากจุดนั้นอย่างงงๆ แล้วคนไหนเอ่ย sup เรา ในที่สุดก็เห็นชายร่างสูงมากเดินตรงมาที่เราแล้วก็ถามว่า Are you…mie?  ดีใจจัง !! yes I’m …

ไชโย !! ที่ไม่หลงแล้ว สงสัยหน้าตาเราคงมีเอกลักษณ์ของเอกสตรีแน่เลย มาถึงลอนดอนยังถูกแยกออกอีก ว่าแล้วเดินตามอาจารย์ไป เห็นรถของอาจารย์ที่มารับแล้วแอบตกใจไม่อยากนึกเลยว่าเราจะมีที่นั่งตรงใหน เป็นรถสปอร์ตสวยเพรียว เหลืองสดมาก ในที่สุดก็ออกรถได้โดยมีกระเป๋าใบกลางตั้งบนตักเราเอง ทั้งรถอัดแน่นด้วยกระเป๋า รถนี้คงทำงานหนักแบบนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว .he! he!..

นั่งรถอาจารย์ด้วยความอึดอัดในรถ ไม่รู้จะพูดอะไรดี กลัวก็กลัว แต่ sup ก็ชวนคุย แม้ว่าจะฟังยากเพราะพูดเร็ว และสำเนียงของอังกฤษแท้ เจอกับเราที่อังกฤษยังไม่แข็งแรงเลย แม้จะสอบผ่าน IELTS ที่ 6.5 ผ่านเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ก็ตาม (สอบครั้งแรก และครั้งเดียว แม้ว่าคะแนนไม่สูงนักแต่สำหรับเด็กบ้านนอก ที่ไม่ได้มีโอกาสเตรียมตัวอะไรนักก็ถือว่าน่าพอใจ) แต่ไม่ได้เป็นตัวรับรองว่าจะเก่งภาษาอังกฤษมากมายแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงบอกว่าอยู่ในระดับที่เอาตัวรอด พอรู้เรื่อง และพัฒนาต่อยอดไปได้ไม่ยาก เราเก่งในส่วน Grammar เพราะแม่สอนมาตั้งแต่เด็ก Vocab ได้เพราะชอบเล่น scrabble ตอนปริญญาตรีเคยเข้าแข่งขัน scrabble ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้น ได้ชนะเลิศการลงคำเดียวแล้วได้คะแนนมากสุด ได้รางวัลเป็นพจนานุกรมภาษาอังกฤษ (ยังเก็บไว้จนปัจจุบัน) ปีนั้น ดร.สุนทร โสตถิพันธ์ (ตำแหน่งขณะนั้น) ได้ชนะเลิศคะแนนรวม และก็มีก๊วนเพื่อนที่ชอบเล่น scrabble มาดวลกันทุกอาทิตย์ ลับสมอง ประลองศัพท์ ได้อานิสงค์เลยมาจนถึงสอบ IELTS   ภาคบังคับคือ writing ที่นี่เขา requires อย่างต่ำที่ 6.00 หาก  grammar  ใช้ได้ vocab ใช้ได้ ส่วนการเขียนย่อมไม่มีปัญหาส่วนภาค listening  ฟังได้บ้างจากการที่สามีชอบดู closed-captioned films/videos เลยต้องดูตาม และ speaking ต้องบอกว่าอ่อนแอ เพราะอยู่บ้านนอก โอกาสพูดไม่มีเลย แบะๆ บอกได้ว่าการสอบได้ครั้งนี้เป็นเรื่องของบุญสะสมที่ครอบครัวและตัวเองสร้างมาจริงๆ และคำอธิษฐานที่ขอสอบเพียงครั้งเดียว หากไม่ผ่านก็ไม่ขอสอบอีกคือไม่เรียนต่อว่างั้นเถอะ (เรื่องยาว และความเชื่อส่วนบุคคล) .......วกกลับมาในลอนดอนต่อ..

 นั่งรถดูวิวสองข้างทาง แล้วบอกกับตัวเองเป็นระยะๆว่า นี่คือลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไม่ได้ฝัน เรามาถึงแล้วจริงๆ เพราะในชีวิตไม่เคยคิดจะเรียนต่อต่างประเทศเลย ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่มีลางบอกเหตุล่วงหน้าหลายปีว่าต้องไปเรียนต่อตปท.แต่เราไม่คิดและไม่เชื่อ เพราะมันไม่เคยอยู่ในความต้องการและตั้งหวังเรื่องการเรียนปริญญาเอก นี่เป็นสิ่งที่เราบางครั้งก็บอกบางคนว่าถึงเวลาก็มาเอง แต่ทั้งนี้ต้องมีทุน (ความรู้ บุญ) สะสมไว้ด้วย...

รถผ่านที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ Harrods ตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นที่ๆคนมาลอนดอน (มีเงินมากด้วย) ชอบมา shopping กัน
ที่เห็นเด่นชัดคือส่วนสีเขียวๆที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารเก่าแก่ และเขียนอักษรชื่อห้าง




Imperial college

ผ่าน Imperial college ก็ตื่นเต้นเพราะรู้จักชื่อดีเป็นที่ๆตอนแรกตั้งใจจะเลือกเรียน แต่ไม่มีสาขาที่เราได้ทุน 

ผ่านสวนสวยงามไม่รู้จัก มองเพลินเรื่อยๆ แบบบ้านนอกเข้ากรุงยังไงยังงั้น ในที่สุดรถก็มาจอดสนิท อยู่ที่แห่งหนึ่งแปลกตามาก sup บอกว่าถึงแล้ว ลงจากรถอย่างงงๆ ว่าที่ไหน?? เพราะเราพักหอพักของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปีแรกเขาให้พักหอพักมหาวิทยาลัย ไม่มีเวลาคิดมาก เอาของลงจากรถหมดหันซ้ายขวา ไม่มีที่คิดไว้ เราจึงถาม sup ทันทีว่า  " Where is my university ?"