วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

4 Oct: Demand & Supply ของสถาบันที่น่าเศร้า



วันนี้ได้คุมสอบกับอาจารย์คนหนึ่งที่ไปสอนศูนย์นอก (มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเสาร์อาทิตย์ และช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนโดยไปเปิดตามจังหวัดต่างๆ) บ่นให้ฟังว่า “อาจารย์คะ นักศึกษากศบท. ศูนย์นอกนี่แย่จริงๆ เบื่อมากเลย” ได้ยินเช่นนี้เราไม่แปลกใจเลย ถ้าอจ.ชื่นชมเมื่อไหร่จะแปลกใจ เพราะความไม่มีคุณภาพทั้งผู้เรียน(ส่วนมาก) และผู้สอน (บางส่วน) เมื่อdemand &supply ตรงกันเอื้อต่อกัน ธุรกิจการศึกษาไปได้ด้วยดี สถาบันต้องการเงินๆๆ ผู้เรียนต้องการกระดาษแสดงระดับการศึกษา (ไม่ไช่ความรู้)  ผู้สอนบางคนต้องการรายได้ ดังนั้นผู้เรียนจะเรียนหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่รู้ว่าจะบ่นให้ใครฟังเพราะขนาดผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือผู้บริหารที่นี่ และผู้สอนยังไม่สนใจ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ใครอยากสอนก็อย่าบ่น เพราะคนอยากได้เงินมีเยอะไป เราเองไม่สอนเสาร์อาทิตย์มาสิบกว่าปีแล้ว เพราะรับไม่ได้ ไม่อยากทำตัวให้เป็นปัญหาของใครอีกที่เน้นคุณภาพอยู่คนเดียว (สมัยก่อนมีบ้างแต่สุดท้ายคนส่วนมากต้องเปลี่ยนไปตามระบบ เพราะอุดมการณ์ไม่ทำให้อิ่ม) สอนแบบไม่รับผิดชอบไม่ได้ก็ไม่ต้องสอน คุณภาพของตัวเองมาก่อน ถ้าต้องลดก็ไม่ไช่เรา เพราะปณิธานของเราคือ เป็นครู สอนให้รู้และให้มีความรู้และต้องมีคุณธรรมติดตัวไปด้วย แต่คนเดี๋ยวนี้นอกจากไม่สนใจความรู้แล้วยังไม่มีความละอายด้วย เป็นเรื่องแปลก

อาจารย์คนนี้เล่าต่อว่า เธอไปสอนศูนย์กระบี่สลับกับอาจารย์อีกคน และเธอให้นศ.ส่งงานเป็นรายงานฝากมากับอาจารย์อีกคน มีนักศึกษาบางคนใช้วิธีมาเติมชื่อเข้ากับรายงานของเพื่อนเพราะกลุ่มตัวเองไม่ได้ทำ เลยมั่วเอาชื่อไปเติมตอนที่เพื่อนคนอื่นส่งแล้ว .และส่วนมากขาดเรียนกันบ่อยมาก บางคนแทบไม่มาเรียนเลย  และมหาวิทยาลัยเอาใจพวกศูนย์นอกมาก เราก็บอกว่าก็ไม่ต้องให้เข้าสอบ เพราะมีระเบียบอยู่ว่าต้องเข้าเรียนอย่างน้อย 80 %  น้องก็ส่ายหัว เราเข้าใจเพราะไม่มีใครอยากมีปัญหา สอบได้ปกติเ พราะไม่มีใครอยากวุ่นวาย และนี่ล่ะที่ทำให้กระบวนการศึกษาอ่อนด้อยคุณภาพมากขึ้นทุกทีเพราะทุกคนคิดถึงตัวเองก่อน  เราก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาคนไหนที่จะมีคุณภาพ จริงจังต่อการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่ถูกกลุ่มมหาวิทยาลัยบางกลุ่ม บางแห่งหลอกสร้างภาพ แต่คุณภาพกลวง

จริงๆแล้วหากผู้เรียนเป็นผู้ที่มีสำนึกดี ต้องการความรู้จริงเป็นบัณฑิต สามารถฟ้องร้องเรียกหาคุณภาพได้ แต่บังเอิญมหาวิทยาลัยที่เราอยู่ ส่วนมากที่มาเรียนมาสอน เป็นพวกที่กล่าวข้างต้น คือ พวก demand&supply ตรงกัน ผลประโยชน์ลงตัว ความละอายเป็นอีกเรื่อง ยิ่งศักดิ์ศรีความเป็นครูไม่ต้องพูดถึง จรรยาบรรณยังไม่อาจจะเข้าใจได้เลย พวกมาเรียนที่ต้องการความรู้จริงก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจน น่าสงสารอนาคตประเทศไทยที่มีคนมีคุณวุฒิเต็มเมือง ป.โท ป.เอก ในอนาคตจะเดินชนกันเต็มไปหมด แต่ไม่มีความรู้

เพื่อนๆหลายคนที่รู้เรื่องของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่างก็บอกว่า แล้วเราอยู่ได้อย่างไร?? เราก็บอกว่า อยู่ใช้ทุนแผ่นดินให้หมด และทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้นักศึกษา เท่าที่ทำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องไม่ลดคุณภาพและศักดิ์ศรีความเป็นครูของตนเอง อะไรที่ทำไม่ได้ ฝืนมโนธรรมก็ไม่ทำ หลังจากหมดทุน ไม่อยู่แน่นอน เพราะรับรู้สิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยความรู้สึกรังเกียจมานานพอสมควร ต้องพยายามเตือนตนให้มีสติ ขันติ กรุณา และอุเบกขาเป็นที่สุด เพราะที่สุดแล้วไม้ซีกก็งัดซุงไม่ได้เลย นอกจากมีคนเห็นและสั่งแทรกเตอร์มาขุดรากขุดโคนออกไปก็เท่านั้น และที่สำคัญเคยพูดในสภามหาวิทยาลัยแล้วว่าให้ลดเงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุมครั้งละ 2,000-6,000 บาทลง บางคนประชุมวันละ 4 รอบ คิดคำนวนเงินสะพัดในแต่ละตำแหน่ง ก็เลยมีการประจบเอาใจสูญสิ้นศักดิ์ศรีคน ขอแค่ให้ได้ตำแหน่งเพื่อเงินที่รองรับมากมายให้ทำอะไรก็ได้ ขอให้ถูกใจผู้สั่งการเป็นพอ คนที่เก่งที่มีความคิดมีคุณธรรมก็ไม่อยากเปลืองตัว และลาออกไปก็หลายคน ยังมีเรื่องอีกมากที่ไม่มีใครคิดถึงในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสถาบันการศึกษา ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผู้ที่คนเขาเรียกว่า ครู อาจารย์ เราก็แค่รอวันลาออกอีกไม่นาน ขันติ เข้าไว้ ทำไมไม่มีใครเห็นนะว่า การบริหารสถาบันแบบไร้คุณภาพการศึกษา สร้างแต่ภาพลวงตานั้นเป็นการบ่อนทำลายอนาคตของชาติที่อันตรายมากจริงๆ