วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

29 Feb:

คว่ำตายหงายเป็นที่หน้าบ้าน

เช้าไปวัด เข้ามหาวิทยาลัย พรุ่งนี้มีประชุมคณะฯสัญจร ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าใช้วิธีแบ่งประชุมเป็นคณะๆ พวกผู้บริหารก็จะยกขบวนมานั่งเป็นกล้วยไม้ และจะมีคนหนึ่งที่เพ้อเจ้อ พูดเพ้อฝัน หรือไม่ก็โกหกสร้างภาพลวงตา หาสาระไม่ได้ เราก็คงลาเพราะเสียเวลาฟัง

บ่ายแก่ๆสุให้พนง.เอา sumsung  galaxy 7.7 มาให้ link สั่งซื้อของอื่นๆเพิ่มเติมอีก

เย็นไปวัดทำวัตรเย็น วันนี้คนนำสวดสวดเร็ว ตามสะดุด ลมหายใจไม่ค่อยดี เราต้องฝึกอีก

กลับมาคุณนายแป๊ด ให้นายอำเภอโทรมาเรื่องนศ...บ้านสมเด็จเจ้าพระยา คณะครุศาสตร์ต้องย้ายไปคณะอื่นๆหมดเพราะหลักสูตรไม่ผ่านการรับรอง พ่อแม่เด็กเลยให้คุณนายหาข้อมูลจะย้ายลูก หรือจะให้ทำยังไงดี ตอนนี้ก็วุ่นวายกัน เราก็แนะไป เหนื่อยใจกับครูอาจารย์สมัยนี้จริงๆ จรรยาบรรณ สำนึก ความรับผิดชอบพับเก็บไว้ที่ไหนกันนะ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

28 Feb: “กินดี อยู่ดี มีสุข”


อาหารเช้าของเรา

วันนี้ไปวัด แล้วเข้ามหาวิทยาลัย ตั้งใจจะตรวจข้อสอบให้เสร็จ ก็ไม่ได้ทำเลย เพราะมีรายการคุยๆๆๆ ไกล้เที่ยงผศ.สาโรชแวะมา (เราได้รับการติดต่อจากผศ.สาโรช ว่าจะขอหนังสือ กินเป็น อยู่เย็น เป็นสุข ที่เราเคยเขียนมุทิตาสักการะโอกาสสมโภชสมณศักดิ์และฉลองอายุวัฒน ...ของเจ้าคณะจังหวัดฯ...ตั้งแต่ปี  2542 มาจัดพิมพ์ เนื่องในโอกาสที่ท่านพระครูปัญญาประยุทธ์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเพราะคณะศิษย์ของหลวงพ่อได้อ่านแล้วเห็นประโยชน์ควรนำมาเผยแพร่ เรามีความยินดีเป็นยิ่งนัก เพราะได้ตั้งใจอยู่แล้วว่าหากข้อเขียนใดที่ได้เผยแพร่ไปแล้วมีคนสนใจ เกิดประโยชน์ ก็นำไปเผยแพร่ต่อได้ แต่เนื่องจากเห็นว่าเรื่องที่เคยเขียนนั้นนานมาแล้ว จึงเรียนอจ.สาโรจว่าจะขอใช้ข้อเขียนใหม่ ซึ่งเขียนเผยแพร่ไม่นานมานี้ เพื่อให้ทันสมัย โดยใช้ชื่อว่า กินดี อยู่ดี มีสุข” ก็ตะลุยเพิ่มเติม จัดรูปใหม่ทำมา4-5 วันแล้ว เพิ่งเสร็จสักครู่ แต่สารบัญขอส่งพรุ่งนี้ วันนี้มึนแล้ว

เย็นนี้สุเอา sumsung series 9 ตัวใหม่มาส่ง link ลองอยู่ เรายังไม่มีเวลา เครื่องที่กำลังใช้อยู่ (Toshiba) ตอนนี้ติด virus แย่ๆๆ มะรือนี้นัดช่าง format เครื่องใหม่หมดอีก

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

27 Feb: วันซื้อๆๆ


วันนี้ว่างไม่มีคุมสอบแล้ว แต่คนอื่นยังมี แล้วแต่ใครคุมก่อนหลัง ช่างไฟฟ้ามาช่วยดูไฟที่ลัดวงจร ปรากฎว่าสวิตท์ที่เปิดน้ำพุเป็นต้นเหตุ มีซากลูกจิ้งจกที่เหลือแต่กระดูกอยู่

เย็นโทรสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ Sumsung series 9 พรุ่งนี้ได้ ตั้งใจจะเอาไม่แพงนัก แต่ทำไปทำมาได้ที่ค่อนข้างแพงเพราะเน้นที่น้ำหนักต้องเบา สุเลยเสนอรุ่นใหม่บางสุดของรุ่น หนักประมาณไม่เกิน 1.3 kg เลยแพ้ตรงน้ำหนักต้องยอมเอาที่เบา ราคาไม่ค่อยเบา 4x,xxxx บาท และสั่งซื้อ galaxy 7.7 อีก1 ตัว อันนี้ก็ 19,xxx บาท  วันนี้เลยเป็นวันซื้อ ๆๆ ส่วนสุสบายขายของได้ในสิบนาที

วันนี้ช่วยชีวิตลูกตุ๊กแกได้1 ตัวรอดหวุดหวิด แค่หางขาด เจ้า Sunwa ตะครุบโชคดีที่เราเอะใจวิ่งตามไปดู ไม่งั้นหมดอีก เฮ้อ!

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

26 Feb: ด้วยรัก และกราบขอบพระคุณ



ตื่นเช้าด้วยความตั้งใจก่อนนอนแล้วว่าจะไปตักบาตรให้คุณครูอำพน  ออกไปตักบาตร ไปวัดถวายภัตตาหารเช้าพระอาจารย์

พา yiching และ sunwa ไปฉีดยา 2,390 บาท ยารักษาตาแห้งของ yiching หลอดละ 900 บาท

อยู่บ้านทั้งวัน อากาศร้อน แต่ไม่ร้อนมากเพราะมีลม  วันนี้ต้มกระดูกหมูให้เด็กๆ อิ่มสบายท้อง

ตลอดบ่ายเขียนบันทึกแด่ครู บางช่วงน้ำออกตาก็หยุด แล้วมาเขียนใหม่

แด่คุณครูอำพน จีนะทีปะ : ด้วยรัก และกราบขอบพระคุณ

http://meecorner.blogspot.com/2012/02/blog-post_26.html

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

25 Feb: คุณครูอำพน จีนะทีปะ ..ขอคุณครูสู่สุขคติ

คุณครูอำพน จีนะทีปะ (85 ปี)

  วันนี้ link กลับจากกทม.เที่ยง เลยตั้งใจไปเยี่ยมกราบคุณครูอำพน ที่อยู่อีกอำเภอห่างไปประมาณ 50 km. ก่อน ให้คนขับรถขับให้ และก่อนถึงบ้านอจ.จะแวะวัดพระประสพก่อนเพื่อกราบพระประธานในโบสถ์เช่นเคย เอาน้ำปานะ และ green tea ไปถวายพระ หลังจากนั้นก็รีบไปบ้านอาจารย์ ไปถึงก็ตะโกนเรียกเหมือนเคย ... "อจ.คะ ใครอยู่บ้างคะ" ครั้งที่แล้วแวะไปหาอจ.วันครู ไปกราบครู จึงเห็นว่าอจ.ไม่สบายเป็นไตเสื่อม อจ.เปลี่ยนไปเร็วมาก ผอม ผิวแห้งดำ นอนบนที่นอนลุกขึ้นไม่ได้ และความจำไม่ดีแล้ว นี่คือคำที่หลานชายของอจ.อำพนบอก  เมื่อเราไปเยี่ยมครั้งที่แล้ว เราเอาผ้าเช็ดตัวรูปหมีไปให้อจ.1 set ผลไม้ card ที่เขียน "ขอบคุณคุณครูที่ได้สั่งสอนให้ให้เราเป็นคนดี และสอนจนเป็นเราในวันนี้" แต่วันนั้นคุณครูไม่สามารถอ่าน card ใบนั้นได้แล้ว แต่ครูยื่นมือมารับ card และถือไว้ เราเศร้าใจมากแต่เก็บไว้ในใจ พยายามเรียกอจ. บีบมืออจ.ให้กำลังใจ หลายชายอจ.ถามอจ.หลายครั้งว่าจำได้ไหมว่านี่ใคร  ตอนแรกอจ.จำไม่ได้ อจ.เอามือลูบหน้าตัวเองพยายามนึก ใช้เวลาเกือบ 15 นาที อจ.อยู่ดีๆก็เรียกชื่อเราออกมา "....." .  เป็นเสียงที่อจ.พยายามเค้นออกมา เสียงสั่น แต่ชัดเจน อจ.ได้ออกชื่อเราถึง 3 ครั้ง ทั้งหลานและเราดีใจมากๆ หลานก็บอกว่าอจ.จำอะไรไม่ค่อยได้มาพอควรแล้ว และทานอะไรไม่ได้ต้องค่อยๆให้ดูดกับหลอดเป็นช่วงๆ   มาครั้งนี้เราเลยซื้อนมแอนลีนจืด และนมข้าวโพดงาดำไปให้อจ. ขณะอยู่ในรถวันนี้เราหยิบนามบัตรขึ้นมาเขียนเบอร์โทรฯไว้ คิดว่าจะเอาให้หลานชายอจ.เผื่อหากอจ.เป็นอะไรไปจะได้โทรบอกเรา และหากอจ.เสียชีวิต เราตั้งใจจะไปเป็นเจ้าภาพหนึ่งคืน คิดแบบนี้จริงๆ และวันนี้ตอนอยู่ในรถก็โทรคุยกับเพื่อนซึ่งเป็นลูกศิษย์อจ.เหมือนกันบอกเขาว่าเรากำลังไปเยี่ยมอจ.เพื่อนคนนี้บ่นมาหลายครั้งว่าจะมา อยากเยี่ยมอจ. แต่ไม่ได้มา เราก็บอกตั้งแต่เมื่อวานที่เจอและวันนี้อีกครั้งทางโทรศัพท์ว่า "มาเถอะ มาเยี่ยมตอนอจ.มีชีวิตอยู่ให้อจ.ชื่นใจ ดีใจ  ดีกว่ามาร่วมงานศพอจ.ตอนสิ้นแล้ว" เรามีความรู้สึกว่าอจ.คงอยู่ได้ไม่นาน และวันนี้ที่ไปอจ.คงจำเราไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา เราคิดถึงเป็นห่วงอจ. นั่นก้พอแล้ว  วันนี้ที่ไปห่างจากวันนั้น ( วันครู) 40 วัน จริงๆตั้งใจมาก่อนหน้านี้เพราะคิดถึงอจ.เป็นระยะๆ แต่เป็นช่วงเร่งสอนและตั้งใจว่านศ.สอบเสร็จเราจะไปอีก ของเราสอบเสร็จเมื่อวันพฤหัสนี้ วันนี้เลยได้โอกาสมา ...

.......สิ้นเสียงตะโกนเรียกของเรา หลานสะไภ้ที่เคยเจอก็ออกมาจากอีกบ้าน มองเราแบบแปลกใจ เราบอกมาเยี่ยมอจ.ค่ะจำได้ไหมคะ เป็นลูกศิษย์ที่มาครั้งก่อน เธอจำได้แล้วพูดว่าอจ.เสียชีวิตแล้ว เราพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ยืนนิ่งๆ งงๆ เสียใจ ที่มาช้าไป สักครู่ก็ถามว่าอจ.เสียเมื่อไหร่ เราไม่ทราบเลยจริงๆ เขาบอกว่าพรุ่งนี้ครบเดือน แล้วเขาเดินไปตะโกนเรียกหลานชายมาคุย เธอตะโกนบอกไปว่าลูกศิษย์อจ.ที่เป็นดอกเตอร์มา  เราเดินตามไป ถามเรื่องราว เขาบอกว่าเขาไม่ทราบว่าจะติดต่อเราได้อย่างไร แต่เขาคิดถึงอยากส่งข่าวให้ทราบ และลูกชายเขา (อยู่ภูเก็ต) ค้นหาเราเจอในอินเตอร์เน็ตเพราะเราลงเรื่องและรูปของอจ.อำพนไว้ ในอีกบล็อกในวันครูปีที่แล้ว .......ในที่สุดเราขอลากลับ เดินผ่านห้องที่มีชั้นล่างที่อจ.เคยนั่งรำพัดกับสหายวัยดึกๆเพื่อลับสมอง เหลือบมองเข้าไปเห็นที่ใส่กระดูกทองเหลืองใหม่เอี่ยมตั้งบนหิ้ง ก็เดาว่าเป็นของอจ.เลยยืนประนมมือไหว้ พร้อมตั้งจิตบอกว่า" อจ.คะหนูมาเยี่ยมอจ.แต่มาช้าไป ขอดวงวิญญาณอจ.รับรู้ว่าหนูแวะมา และขออจ.สู่สุขคติ"    เราบอกหลานอจ.ว่านมของเยี่ยมขอเอากลับ จะไปทำบุญให้อจ. เพราะของนี้ตั้งใจมาฝากอจ.ก็เป็นของอจ.แล้วจะนำไปตักบาตรให้แทน เราเดินออกจากบ้านอจ.ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่แอบซับน้ำตาที่ไหลออกมา ไม่คิดจริงๆว่าอจ.จะจากไปเร็วกว่าที่คิดมากนัก ไม่คิดว่าการกราบลาที่อกของอาจารย์ครั้งก่อนจะเป็นการกราบลาครั้งสุดท้าย .....ขอผลบุญความดีของอจ.ที่ได้เป็นครูที่ดีมาตลอดชีวิต จิตที่เมตตา หวังดี ทำงานด้วยจิตที่เป็นครูได้ลูกศิษย์ดีๆออกสู่สังคมมากมาย จงเป็นพละพลังหนุนให้อจ.อำพน จีนะทีปะ สู่สุคติภพ และเราจะทำความดีต่อไปเพื่อให้สิ่งที่อจ.เคยปั้นมากับมือนี้ไม่เสียเปล่า อจ.มีลูกศิษย์ที่มีความตั้งใจสอนศิษย์ และหวังดี เช่นเดียวกับที่อจ.เคยเมตตาสั่งสอนมา อจ.หลับให้สบาย สงบ ในภพภูมิที่เป็นสุขคติภพด้วยเทอญ

ด้วยรักและเคารพอาจารย์และจะไม่ลืมพระคุณของอจ.จนตลอดชีวิตเช่นกัน หนูดีใจที่ชาตินี้ได้เป็นลูกศิษย์ของอจ.ค่ะ


16 Jan :วันครู ไปกราบคุณครู
http://meepolen.blogspot.com/2012/01/16-jan.html

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

24 Feb:



วันนี้ไปรับข้อสอบอีกวิชามาตรวจ จอดรถตรงตำแหน่งที่ถูกล็อกเมื่อวานอีก วันนี้เอากล้องไปถ่ายรูปเพื่อบันทึกไว้ แวะไปคุยกับจนท.จนได้เรื่องมาหลายเรื่องราว ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นสถานที่ที่ชื่อว่า"มหาวิทยาลัย" ที่มีครูอาจารย์ มีหลายเรื่องราวไว้ทำหนังสือมุทิตาให้เสร็จก่อนแล้วจะเอามาบันทึกต่อ วันนี้มีคนที่ได้ยินเรื่องนี้บอกว่าที่นี่มีแต่คนขี้ขลาด กลัวกันทั้งนั้น เราก็บอกว่าไม่หรอกเพียงแต่คนเหล่านั้นไม่ดึงความเป็นมนุษย์ออกมาใช้ ที่เราต้องว่ากันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ไช่ขลาดกลัวเพราะกลัวหลุดจากตำแหน่งหรือเสียผลประโยชน์ (เงิน) กลัวไม่ได้สอนเสาร์อาทิตย์ กลัวจนลืมความเป็นคน ความเป็นครูที่ต้องเป็นผู้นำทางปัญญา น่าเห็นใจจริงๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

23 Feb:ธรรมะชนะอธรรม


วันนี้เช้าไปรับข้อสอบมาตรวจ จอดรถหน้าตึก 9 ชั้น ตรงตำแหน่งให้จอด แวะเยี่ยมเยือนน้องๆฝ่ายการเงินที่ไม่ได้เจอกัน 1 เทอม ออกมาโดนล็อกล้อ  แต่ไม่รู้ตัว ขับถอยหลังดังครืด นึกว่าเบียดฟุตบาท เดินหน้า ครืดกึก เป็นงง!! ลงมาดู วาว! เราเจอดีเข้าแล้ว ...คนรักความถูกต้องอย่างเรารึจะยอมให้งานนี้ เพราะแบบนี้ต้องจ่ายเงินค่าปลดล็อก ในมหาวิทยาลัยแท้ๆ โดนมาหลายคนมากมาย เคยบอกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องจ่าย เพราะนี่เป็นเรื่องผิด เขาทำไม่ได้ แต่ไม่มีใครกล้ากลัวผู้บริหาร  กลัวตกงาน กลัวไม่ได้สอนวันหยุด กลัวไม่จ้างต่อ กลัวได้โบนัสน้อย กลัวขั้นได้น้อย กลัว...ฯ กลัวอย่างเดียว ไปจ่ายเงินแล้วมาบ่นทุกราย ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง....วันนี้เราต้องรีบเขียนหนังสือที่ระลึกมุทิตางานหลวงพ่อของผศ. สาโรจน์ ที่รับปากไว้ เลยค่อยบันทึกเรื่องนี้ต่อ  วันนี้คนลุ้นรอฟังผลหลายคน แต่แน่นอนธรรมะชนะอธรรมเสมอ meepole ซะอย่าง ความถูกต้อง ต้องถูกเสมอ

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

22 Feb:

วันนี้เราคุมสอบวันสุดท้าย รู้สึกว่าเทอมนี้ผ่านไปเร็วมากๆ ตอนนี้เหลือตรวจข้อสอบอย่างเดียว วันนี้ได้ข่าวแม่คุณไพโรจน์เสีย

คอมพิวเตอร์ยังคงผิดปกติอยู่ internet ติดๆดับๆตั้งแต่ช่างไฟมาเดินไฟ ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า

ช่วงนี้อากาศร้อนอ้าวมากจริงๆ

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

21 Feb: วันอะไรก็ไม่รู้

ชาบู ไปกำแพงเพชรครับ

วันนี้ไปคุมสอบตั้งแต่เช้า เที่ยงกลับมาทานข้าวกำลังเดินเอื่อยๆคุยกะหมาๆทั้งหลาย ทักทายปกติ อยู่ดีๆเหยียบอะไรก้ไม่รู้น่าจะกรวดเล็กสักก้อน เท้าพลิกตรงตำแหน่งเดิมเจ็บแปลบ เดินต่อได้แต่เจ็บ ทายา กลับไปคุมสอบต่อ เดินกะเผลกเล็กน้อย พอเย็นลุกขึ้นเดินเจ็บมากกว่าเดิม

มาถึงบ้านช่างตู้เย็นมา พอดี ก็ตรวจดุ คราวนี้บอกว่า timer เสีย เพิ่งซ่อมไป 2880 บาทเอามาส่ง ไม่เย็นอีก ตอนนี้ก็บอกว่าเหลืออีกอย่าง จะยกเครื่องไป link บอกเอามาเปลี่ยนที่นี่แหละ เขาว่าต้องสังของจากกทม. เฮ้อ!!

ค่ำเปิดเครื่องคอมฯก็ต้องแปลกใจมากเพราะทุกอย่างที่อยู่ destop หายหมด และ folder file ใน my doc ก็หายหมด กระทั่งอะไรๆใน favorite bar เกลี้ยง แถม set background ที่ destop กลับไปเป็น window อีก ภาพเฟินสวยๆหายหมด งงมากๆ เกิดอะไรขึ้น  ถ้าเป็นสมักก่อนคงเหงื่อแตกเครียด ต๊กกะใจไปแล้ว แต่ตอนนี้เฉยๆ บอกตัวเองว่าหายก็เสียเวลาสะสมใหม่อีก งานมากมายในเครื่อง เสียดายวันนี้เขียนหนังสือให้งานบุญแห่งหนึ่งไว้เกือบเสร็จต้องทำใหม่แค่นั้นเอง  แปลกใจตัวเองที่ตอนนี้ทำใจกับอะไรๆได้ดีขึ้นมาก หากเป็นการทดสอบอารมณ์วันนี้ผ่าน ไม่แก่วงเลย นอกจากบอกตัวเองว่ามันหายไปแล้ว เสียใจหรือใจเสียก็เท่านั้น และไม่ต้องปรับอารมณ์เลยเพราะมันไม่เกิด ดีจังแฮะ ...แน่ใจว่าหายโม้ด ก็เรียก link มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฎว่า link เครียดแทนว่าข้อมูลเราหายหมดจะทำไง เราบอกว่าไม่เป้นไร แต่ช่วยดูหน่อยว่าคอมฯจัดการทำให้เรื่องนี้เกิดได้ยังไง  link ค้นจนเจอของๆเราทั้งหมดไปอยู่ที่อื่นหมดเครื่องจัดการเอง ทำได้ไง งง จะไวรัสลงก็ไม่ไช่ สรุป no idea จริงๆ แต่สุดท้ายได้คืนมาหมด โชคดีจริงๆ

วันนี้เลยอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่อง

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

20 Feb:ท่านทิม พระอุปัชฌาย์ใหม่ / คุมสอบ


ชีวิตใหม่ วัยละอ่อน

วันนี้เป็นวันสอบ final วันแรก เราต้องไปร่วมงานบวชนาค ของวัดท่านทิม ท่านเป็นอุปัชฌาย์ครั้งแรก โทรมาบอกตั้งแต่อาทิตย์ก่อน เลยไปร่วมบุญ วันนี้ครั้งแรกบวชพระ 21 รูป มากดี สาธุ อยู่ฟังท่านกอบแสดงธรรมได้ดีมาก ท่านบอกประโยชน์ของการบวช 3 ประการ แก่ตนเอง แก่ครอบครัว และแก่พระพุทธศาสนา และการมีโอกาสได้บวชนั้นต้องถึงพร้อม เพศ วัย ลักษณะ (ไม่พิการ หรือสติไม่สมประกอบอันไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้) ความศรัทธา หรือความถึงพร้อม (ตรงนี้ท่านใช้คำอื่นแต่ใจความเดียวกัน) ดังนั้นคนที่มีโอกาสจะได้บวชนั้นจริงๆไม่ง่ายเลย ต้องพร้อมครบ เมื่อได้บวชแล้วควรจะศึกษา ปฎิบัติให้ดี ตามที่บุญจะอำนวยให้อยู่ในเพศบรรพชิตได้นานเท่าใด.....ฟังตรงนี้แล้วแอบอธิษฐานให้หากได้เกิดเป็นคนในอีกภพชาติใดขอให้ได้บวชในบวรพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตสักภพหนึ่ง วันนี้ท่านทิมพระอุปฌาย์ใหม่เอี่ยมได้พระลูก 21 รูป ชีวิตใหม่ อยู่ในพระพุทธศาสนา (แอบปลื้มๆๆจริงๆ) อยากให้พวกท่านๆบวชตลอดชีวิตนะ แต่เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..

ท่านแสดงธรรมประมาณ 1 ชั่วโมง เราและlink นั่งฟังนอกศาลา ประนมมือฟังตลอด นั่งริมนอกสุดที่ตอนแรกไม่มีคนนั่ง เลยคิดว่าดีเงียบดี ครู่ใหญ่ก็มีคนมานั่งพร้อมเสียงคุยดังแบบไม่เกรงใจกันเลย แต่เราไม่ได้มองเพราะนั่งหันหลังให้ทุกคนตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในใจคิดว่าพระท่านแสดงธรรมดีมาก ทำไมไม่ใส่ใจฟังให้เกิดปัญญา และไช่ว่าจะได้มีโอกาสฟังสิ่งดีๆถูกต้องจากพระท่านบ่อยนัก แล้วจะมาวัดโดยไม่เอากุศลกลับไปเลยหรืออย่างไร น่าเสียดายแทนนัก แต่คิดแวบเดียวจากนั้นก็ concentrated กับการฟังต่อไปจนจบ ท่านเจ้าคณะจังหวัดมา link เลยพาท่านเข้าข้างใน ท่านกอบกล่าวยถา...เราอุทิศบุญกุศลเสร็จ กลับ เจอท่านเสี่ย ท่านเสรี ท่านวุฒิ เลยคุยอีกครู่ใหญ่ กลับบ้านทานเที่ยงเสร็จ รีบไปคุมสอบ เช้านี้น้องอุช่วยคุมแทน ยกบุญให้เลย

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

My silent corner 17 : King's college สอบภาษา/คำอธิษฐาน


(ต่อ)...จากการสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษของกระทรวงฯและสัมภาษณ์เพื่อคัดเข้ารับทุนผ่านแล้ว  เป็นเพียงด่านแรกที่บอกให้รู้ว่าเตรียมหาที่เรียนประเทศตามที่ทุนระบุ โดยต้องศึกษาเกณฑ์กพ.สำหรับมหาวิทยาลัยที่จะเลือกไปเรียน ซึ่งเราตกลงกันว่าจะเลือกมหาวิทยาลัยในยุโรป ในที่สุดก็มาลงตัวที่ประเทศอังกฤษ (ทั้งหมดนี้เป็นการเลือกจากสามี ผู้ใหญ่และอาจารย์ เพราะตัวเองนั้นอะไรก็ได้ กลัวจะต้องไปตปท.จะแย่แล้ว)  การ focus เช่นนี้เป็นการดี เพราะจะได้เตรียมสอบภาษาอังกฤษให้แน่นอนไปเลยว่าจะสอบ IELTS หรือTOEFL เพราะหากเลือกไปทางอเมริกาต้องสอบ TOEFL หากเลือกทางยุโรปก็สอบ IELTS แต่เชื่อไหมว่าตอนนั้นเราเองอยู่บ้านนอก เรียนบ้านนอก รู้จักแต่ TOEFL ไม่รู้จัก IELTS งงๆว่าเป็นยังไง เราเงียบไปนานจนคุณปิติกาญจน์ จนท.กพ ที่อยู่ฝ่ายดูแลนร.ทุนโทรมาถามเราว่าไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนหรือยัง เราก็บอกว่ายัง (แต่ตอนนั้นคิดแบบโง้โง้ ด้วยว่าทำไมต้องเรียน ต้องเรียนด้วยหรือ) ไม่รู้ต้องเตรียมตัวอย่างไร เธอมีน้ำใจบอกแนะให้ไปเรียนที่ British Council ที่แถวสยามสแควร์ และอีกแห่งที่ IDP สีลม สามีเลือกให้เรียนที่นี่เพราะไกล้บ้านกว่า สามีพ่อยก พาไปสมัครเรียน จัดการให้เสร็จสรรพ์ เราเรียนอย่างเดียว ก็มีหลาย course ให้เลือก แต่เลือกเรียนแบบ รู้จักข้อสอบ IELTS 20 ชั่วโมง 3000 กว่าบาทในตอนนั้น ซึ่งนับว่าแพงนะ เรียนอาทิตย์ละ 3 วันๆละ 2 ชั่วโมง เกือบเดือน คนอื่นเลยเลือกเรียนหลักสูตรอื่นด้วยเช่น writing , reading  etc. เพราะว่าง แต่เราไม่เอา เพราะเราเพียงแค่อยากรู้ว่าอะไรคือการสอบ IELTS เท่านั้น พอเรียนจบ ก็มีการให้ทดลองสอบดู แฮ่ผลน่าจะไม่ดีนักเพราะไม่จำ คิคิ  ตอนเรียนเจอน้องๆในห้องเรียนสนิทกันสามสี่คน คนนึงชื่อตุ๊ก สอนที่ม.ขอนแก่น คนนี้ค่อนข้างสนิทไปไหนๆด้วยกัน เขาสมัครสอบ IELTS สนามจริงตอนช่วงวัน Christmas พอดี นั่นคือเร็วที่สุดที่มีที่กทม.แต่ตุ๊กอยากเลื่อนสอบเพราะเขาทดลองแล้วเขาคิดว่าคงไม่ผ่านในสนามจริง เสียดายเงิน ตอนนั้นค่าสมัครสอบ 3600 บาท (ประมาณ) แต่เราอยากสอบแต่ที่นั่งเต็ม ในที่สุดตุ๊กขอเลื่อนเราลงสอบแทนที่ เสียค่าเลื่อน 500 บาทเราออกให้ตุ๊กในส่วนนี้ ในที่สุดเหลืออีกเกือบเดือนสำหรับเตรียมสอบจริง ซึ่งก็ดีเหลือเวลาน้อยๆ เตรียมน้อยๆไม่เครียดนาน เพราะมากน้อยก็คงได้แค่นั้นล่ะ  ในที่สุดวันสอบมาถึงก็เจอพวกน้องๆมาสอบด้วยเชียร์ด้วย ตุ๊กยังอยู่เรียนภาษาต่อที่กทม.  เข้าห้องสอบตื่นเต้นนะ จำได้ว่าสวดมนต์ก่อนเลย ... เรื่องที่บันทึกข้างล่างนี้เป็นเรื่องปาฎิหารย์หรือไม่แล้วแต่วิจารณญาณ อย่าคิดมากและห้ามเลียนแบบเพราะแต่ละคนคงมีสิ่งสะสมมาไม่เหมือนกัน.......

ทำข้อสอบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตอนที่เขาให้ฟังเทปสนทนา เป็นช่วงที่เรากลัวมากที่สุด เพราะขนาดพูดช้าๆยังจับใจความไม่ทันเลย นี่ต้องจับใจความที่เขาคุยกัน จำ ลำดับเรื่อง เช่นใครพบใครกี่โมง ใครเลื่อนนัดแล้วสรุปว่าสุดท้ายว่าใครจะเจอใครก่อน อะไรคล้ายๆยังงี้ ตอบสอบแบบนี้ปวดหัวจริงๆ ต้องแม่น และมีสมาธิมาก ขนาดคุยเป็นภาษาไทยยังงงได้เลย ในที่สุดตอนนี้ขอพึ่งบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และที่บารมีพระที่เราเคารพนับถือ ตอนนั้นนึกออกที่พระนเรศวรมหาราช และหลวงพ่อจรัญ (สิงห์บุรี เคยไปกราบท่าน และสนทนากับท่านมาแล้ว) เลยตั้งจิตแน่วแน่อธิษฐานตอนนั้นว่าขอให้สอบผ่านในครั้งเดียวนี้ ให้เลือกคำตอบได้ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อผ่านไปได้สักสองสามข้อทำไม่รู้เรื่องแล้ว หลังจากนั้นใช้วิธี นึกถีงหลวงพ่อจรัญสลับกับองค์พระนเรศวร เลือกจิ้มแบบเดาหมด นี่เฉพาะในส่วนของการฟัง ตรงอื่นใช้สติปัญญาที่พอมีทำเองอย่างจริงจัง

การสอบตอนนั้นมี writing, gramma& structure, reading, listening, และ conversation แต่ละ part ต้องผ่าน และเฉลี่ยรวมที่ King's college  require มาคือ 6.5 และ เฉพาะ writing กำหนด minimum 6.5  อันนี้ตอนนั้นแปลความกันว่า ในแต่ละส่วนต้องผ่านให้ได้เฉลี่ยรวม 6.5 แต่ ไม่ว่าอะไรได้เท่าใด ตอนที่เป็น writing ต้องได้ 6.5....อันนี้ต้องลุ้นเพราะตอนออกมามั่นใจส่วนนี้พอควร เพราะคำถามเป็นการให้อ่านและอธิบายค่าสถิติจากกราฟวงกลมที่ให้มา พวกวิทย์อ่านค่าแบบนี้หมูๆ  อีกอันเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็นจากหัวข้อที่กำหนดให้ อีกอันเป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาใช้สอนแทนคนในอนาคตเห็นด้วยหรือไม่

ในส่วนของ speaking หรือ conversation ก้เป็นเรื่องดวงที่จะเจอคนสอบแบบไหน เราได้ค่อนข้างอาวุโสมากหน่อย ก็ไม่รุ้ว่าดีไหม เขาก็คุยถามทั่วไป เรื่องจังหวัดที่เราอยู่มีอะไรน่าสนใจ เรื่องที่เราตั้งใจไปเรียนเกี่ยวกับอะไร งานที่ทำอยู่ เป็นต้น ก็ประมาณ15-20 นาที ออกมาก็สบายๆ คิดว่าผ่านนะ

สอบเสร็จนัดกลุ่มที่เคยเรียนด้วยกันมาเจอกัน คุยๆกัน กินขนม เสร็จก็ไม่ค่อยมีใครมั่นใจกันนัก แต่เรามั่นใจทุกส่วน ยกเว้น listening นั้น ................กลับบ้าน รอลุ้นผล ไม่นาน ผลผ่านตามที่ต้องการทุกๆประการ ดูแล้วดูอีกไม่เชื่อสายตา เอาให้แน่ใจ ทุกอย่างผ่านตามเกณฑ์ที่ต้องการทั้งหมด สอบครั้งแรกในชีวิต และครั้งเดียว ดีใจสุดๆ เพราะว่าหากให้สอบใหม่อาจไม่ได้ ครั้งนี้ถือเป็นปาฏิหารย์สำหรับเราเพราะเราเตรียมตัวมาน้อย รู้ว่าบางคนที่เรียนด้วยกันเคยสอบมา 2-3 ครั้งทั้งนั้น ได้ตัวนึงไปพลาดอีกเรื่องนึงเป็นต้น แบบเราหากสอบได้ 6.5 ก็จริงแต่ writing ไม่ถึงที่King's require ไว้ ก็คงต้องสอบใหม่ และเราอาจไม่สอบ เพราะไม่ได้มีความพยายามมาก หรืออยากเรียนตปท.มากนัก ทุกด่านที่ผ่าน ดีใจแต่กังวลกลัวลึกๆทุกครั้ง

เรามักจะเล่าให้คนอื่นฟังเสมอว่ามันเป็นปาฏิหารย์ ถึงเวลาและโอกาสที่จะต้องไป ไม่ว่าอะไรก็ฉุดไม่อยู่ รั้งไม่ได้ มันจะผลักไปในเส้นทางที่ต้องไป และไปเจอในสิ่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว...............!!!

นอกจากนี้คำอธิษฐานที่เขียนไปในซอง ฝากให้ตุ๊กซึ่งจะไปปฎิบัติธรรมที่วัดของลพ.จรัญไปถวายลพ.ด้วย อันนี้เป็นความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว เพราะในความตั้งใจที่ได้บอกกล่าวคือจะขอสอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากไม่ได้จะไม่สอบใหม่ (ให้ลำบาก) อีกเลย อานิสงส์ผลบุญอีกส่วนหนึ่งที่เรานึกได้ในภายหลังว่ามีส่วนทำให้การสอบทุกๆตอนของเราผ่านโดยสะดวกคือ การที่ที่ครอบครัวเราก๋ง ยาย เป็นผู้ตั้งกองทุนและให้ทุนการศึกษาแก่โรงเรียนประจำจังหวัดและโรงเรียนที่เราเคยเรียน มากกว่า x,xxx,xxx บาท ในแต่ละแห่ง เลยมีส่วนผลักดันให้ลูกหลานได้ไปเรียนต่อตปท.โดยไม่คิดฝัน เพราะด้วยเงินของครอบครัวหากเราอยากจะเรียนก็ส่งให้เรียนได้ (แต่ที่บ้านก็ไม่อยากให้ไปตปท. เพราะเป็นลูก หลานคนเดียว) และก็โชคดีด้วยนิสัยของเราในขณะนั้น หากไปแล้วเจอสภาพที่เราเจอในช่วงแรกของการปรับตัว หากเป็นเงินเองก็กลับมาแล้ว แต่นี่เป็นทุนรัฐบาล เลยมีความละอายใจที่หากกลับมาเพราะเท่ากับไปแย่งโอกาสของอื่นแล้ว ใช้เงินภาษีแผ่นดิน แล้วยังไม่มีความอดทน พยายามอีก หลายครั้งนึกตรงนี้เลยต้องอดทนๆๆๆๆ เรื่องเรียนหนังสือไม่ยากมากนัก เพราะชอบเรียน ที่ยากสุดชีวิตคือเรียนรู้คน และต้องอดทนกับคนหลายชาติ ภาษาที่มาในรูปแปลกๆ แล้วจะเขียนต่อไป

ในที่สุดการเตรียมพร้อมส่งข้อมูลให้มหาวิทยาลัยที่เลือกไว้ก็เสร็จสิ้น ส่งหลักฐานผลการสอบให้กพ.และให้ไปที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เพื่อขอเข้าเรียนในสาขาที่ได้ทุนคือ Environmental biotechnology

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

18 Feb: เยี่ยมกราบหลวงพ่อ

บรรยากาศในวัดที่แวะไป


วันนี้เช้าช่างเอาตู้เย็นที่ซ่อมมาส่ง สุดท้ายไม่เย็นตามเคย ช่างแรกหมดไปสองพันเศษ ช่างใหม่นี่หมดไปอีก 2800 สงสัยจะหลอกเราเหมือนกัน เราก็บอก link แล้วว่าไม่ต้องส่งซ่อม ก็ไม่เชื่อ เลยต้องมานั่งเศร้าใจกับคนอีก ไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่เข็ด เราเคยบอกหลายครั้งจนเหนื่อยใจว่าของไฟฟ้ายุคนี่ไม่ได้มีไว้ซ่อม เสียก็ทิ้ง นี่ค่าซ่อมที่จ่ายไปได้ตู้เย็นเล็ก 1 หลังแล้ว เฮ้อ! ช่างกิโลจริงๆ

สายๆ linkไปร่วมงานสัมมนางานวิจัย เราเลยไปวัด ตั้งใจไปกราบหลวงพ่ออดีตเจ้าอาวาส และถ่ายรูปวัดไว้เตรียมทำหนังสือที่ระลึกอีก แวะซื้ออาหารถวายเพล เต้าฮู้ทอด หลวงพ่ออายุ 98 ปีแล้ว ไม่ได้ไปกราบท่านหลายเดือนแล้ว เพราะอยู่คนละอำเภอไกลจากเส้นทาง วันนี้ถือโอกาสไปกราบท่าน ไปคราวนี้ดีใจมากที่ท่านสุขภาพดีขึ้น สดชื่นขึ้น กราบท่านๆกวักมือให้ไปไกล้ๆก็ไปกราบท่านที่ขอบเตียงอีก ท่านตบหัวเบาๆ แล้วกดสักครู่ ท่านให้พรทุกครั้ง ถวายอาหารท่าน วันนี้ท่านสวด ยถา..ให้เราดีใจมากเป็นพิเศษ แอบน้ำตาไหล ในเมตตาท่านที่ท่านยังพยายามสวดให้ แสดงว่าครั้งนี้ท่านแข็งแรงขึ้น เร็วๆนี้จะไปอีกเพราะเพมเพอสท่านเหลือไม่มากแล้ว ตั้งใจจะซื้อไปถวาย วันนี้รู้สึกปิติมากจริงๆ

เดินแวะไปถ่ายรูปกุฎิสงฆ์ที่เราถวายปัจจัยให้ท่านเจ้าอาวาสไปสร้าง เสร็จมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้มอบถวาย หาฤกษ์สะดวกอยู่

อากาศช่วงนี้อบอ้าวร้อนจริงๆ และแล้ววันนี้เรื่องไม่คาดฝันก็เกิด ฝนตกเดือนกพ. ตกครู่เล็กๆขนาดกลิ่นดินอบอวลชวนป่วยจริงๆ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

17 Feb:


วันนี้ไปจัดการเตรียมข้อสอบ ส่งข้อสอบ สุเชฐช่วยเลยเสร็จเร็ว คุยกันครู่ใหญ่ ยะพาผศ.สาโรจ มาหา เรื่องการทำหนังสือที่ระลึกให้กับเจ้าอาวาสวัดที่ท่าชนะ เพราะมีคนเคยไปอ่านที่เราเคยทำให้เจ้าคณะจังหวัดเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้วชอบ จะขอไปทำ เราเลยบอกว่านั่นนานมากแล้ว จะทำเรื่องใหม่ๆให้ดีกว่า จะใช้วันที่ 16 มีค. เราให้ตัวอย่างหนังสือกฐินของวัดไป คุยจน 17.10 link โทรถามว่าทำไมจึงยังไม่กลับ จึงเลิกคุย

สายๆดร.รุ่นกลางได้แวะมาคุย เล่าหลายเรื่องราว ไว้ค่อยกลับมาบันทึก วันนี้ง่วงเพลีย วันไหนคุยกับคนมากเกิน 2 คนจะเป็นเช่นนี้ วันนี้คุย 4 คน พลังเลยถูกเฉือนไป

ช่างไฟฟ้าคิด 3880 เลยให้ไป 4000 บาท เราไม่ถามเลยว่าซื้ออะไร เท่าไหร่ คิดยังไง เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์อันใด เขาจะคิดอะไรก็คิดไปแล้ว รู้ไปไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องรู้น่ะดีแล้ว จ่ายไป เพราะอย่างน้อยขอบคุณที่มาช่วยทำ

โทรสอบถามตู้เย็นที่สั่งไว้ก็ไม่ได้ตามที่บอกไว้ บอกว่าจะตรวจสอบที่สาขาอื่นให้ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ตัวเองบอกเองกลับไม่ทำตามคำพูด คนสมัยนี้ไม่มีสัจจวาจา รักษาคำพูดเลย นี่เป็นเรื่องเล็กๆที่ มนุษย์ทำได้ง่าย คือรักษาคำพูดของตัวเองที่กล่าวออกไป ยังทำไม่ได้เลยน่าสงสารจัง

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

16 Feb: ปิดcourse อีกแล้ว/ ไกล้ลาออกจากมหาวิทยาลัยด้อยคุณภาพ

ที่มาภาพ campusprogress.org

วันนี้สอนทั้งวัน ปิด course ทันทั้งสองวิชาวันนี้รู้สึกเพลียๆทั้งบ่ายไม่ร้เป้นไง สงสัยไม่ได้กาแฟ ผ่านไปอีกเทอมแล้วเร็วจังเลย ถ้าคำนวนไม่พลาดเทอมหน้า ปีการศึกษาหน้าเราควรจะหมดเวลาใช้ทุนแล้ว  หากไม่มีเหตุขัดข้องอันใดก็ถึงเวลาออกจากราชการเสียที ใจจริงเราไม่อยากออกจากราชการอยากทำประโยชน์ให้ราชการต่อ แต่รังเกียจการบริหารที่ไร้คุณภาพ(ไม่สนใจคุณภาพของการศึกษา) เห็นเด็กเป็นตัวทำรายได้อย่างเดียว ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ การประเมินของพวกที่มาๆกันก็รู้ๆอยู่ว่ากรรมการพวกนั้นคืออะไร ประเภทลิงผลัดกันเกาหลัง หรือไม่ก็ประเภทตามน้ำ แกล้งโง่ (หรือเปล่า) จึงดูไม่ออก หรือประเภทพวกรถไฟขบวนสุดท้ายตรวจเข้มก็ตกงาน นั่นหมายถึงขาด...ด้วย เอาแต่ดูเอกสารที่ปั้นแต่ง ทำทุกอย่างเพื่อให้มีครบตามค่าKPI ที่กำหนดไว้ไม่ตั้งใจทำงานให้สมหน้าที่กันเลย น่าอนาถจริงๆ ...ออกจากที่นี่ได้ จะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องมั่ว.. เรื่องกกกก ทั้งเชิงนโยบายและเอาแบบตรงๆ สงสารภาษีแผ่นดิน และการศึกษาชาติจริงๆ เพราะมีสถาบันแบบนี้การศึกษาชาติและการพัฒนาท้องถิ่นจึงถอยหลังลงคลองทุกวันๆ น่าสงสารเด็กทุกรุ่นที่ยังเรียนแบบไม่มีเครื่องมื่อเฉพาะสาขา ไปฝึกงานปีนี้ก็ได้คำบ่นมาจมเลย จากพี่เลี้ยง เฮ้อ!  อยากให้ผู้บริหารหลายสิบคนที่ไปดูงานที่ตุรกี (ดูงานอีกแล้ว) มาดูงานในมหาวิทยาลัยของตัวเองบ้างเดินดูให้เห็นของจริง ตึกที่เราอยู่อธิการยังเดินขึ้นมาไม่ถึงน่าเอ็นดูจริงๆ

อากาศร้อนมากๆ กลับบ้านตกใจเจ้าวันวาไม่รู้ไปคลุกน้ำที่ไหนโคลนดำเลอะระเบียงเต็มไปหมด  เดินดูเลยรู้ว่ามันคงลงไปคลุกในลำธารจำลองหน้าบ้าน หมาน้ำจริงๆ

วันนี้ช่างไฟไม่มาก็ดีจะได้พัก เราก็เหนื่อยกับช่างมาก เมื่อคืนหยีก็โทรมาเล่าเร่องช่างฝรั่งที่ทำบ้านให้เธอ ก็ทำให้เราต้องระวังเรื่องการตกลงว่าจ้างมากขึ้นเพราะมีผู้หยิงไทยที่แสดงตัวว่าเป็น girl fr จริงๆคือ wife ผู้หญิงอายุมากกว่าชายดูเธอคง 40 เศษ ชายน่าจะ 30 เศษ เธอมาบอกหยีขอเพิ่มค่าแรงจากสี่หมื่นเป็นแปดหมื่น

วันนี้ pa กลับมายังไม่เห็นรถของเรา ท่านทิมโทรมาเช้านี้ เชิญเราและlinkให้ไปร่วมงานบวชนาคงานแรกของท่าน เบิกฤกษ์การเป็นอุปัชฌาย์ครั้งแรกของท่าน

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

15 Feb: เฉี่ยวแล้วหนี


วันนี้เช้าช่างไฟมาทำงานต่อ ทำงานแบบมะงุมมะงาหราจริงๆ แต่ไม่เป็นไรเราต้องใจเย็นเมตตาเข้าไว้ วันนี้ยังสงสัยเลยว่าจะติดไฟ 6 หลอดนั้นใช้เวลากี่วัน ทำไปพูดคนเดียวไป link บอกว่าสงสัยเกิน 100 คิๆ พรุ่งนี้จะมาทำต่อเป็นวันที่ 4

บ่ายให้คนขับรถไปส่ง link วันนี้นศ.สัมมนาถึงเย็น 17.45 น. ระหว่างนั้นต้องผลัดเวรมาอยู่กะช่างไฟ ให้คนขับไปส่ง link แล้วให้เอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เขาโทรมาถามว่าจะเอารถไปอัดฉีดได้ไหม เราบอก ok  ตอนเกือบบ่ายสามก็โทรมาบอกเราว่า ให้เราโทรหาตำรวจให้ดักรถวีโกเขียนข้างๆว่าอบต.แหลมทราย เพราะเฉี่ยวชนแล้วหนี กำลังไปทางบางใหญ่ และเขากำลังขับไล่ตามอยู่ เราเลยรีบตั้งสติจะโทรหาใครบ้าง โทรหาตำรวจทางหลวง 1193 ด้วยความไม่มีหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือหรอก ก็แจ้งให้เขาช่วยสกัดจับ  แจ้งผู้กว้างขวางของเรา ปรากฎว่าไม่รับสาย สงสัยประชุม แจ้งประกันต่อ แล้วแจ้งผู้ใหญ่ สักครู่ผู้กว้างขวางโทรมา บอกอยู่ที่สถานีตำรวจแล้วให้คนขับมาได้เลยจะจัดการตามตัวคนขับคนนั้น บอกว่าชนแล้วหนีเอาให้หนัก เราก็บอกว่าแจ้งความก่อนจะได้ไม่มีปัญหาในภายหน้า คนขับไปถึงก็คุยกัน และยืนยันว่ารถอบต.แหลมทรายชนแน่นอนเพราะมีสติกเกอร์ติด เลยโทรตรวจสอบไปที่ชุมพร ปรากฎว่าทางโน้นจัดการสอบถาม ในที่สุดคนขับก็โทรมาหาผู้กว้างขวางของเรา คุยยอมรับบอกรีบมาประชุมที่ศาลากลาง และกลายเป็นคนคุ้นเคยของผู้กว้างขวางอีก เขาเลยโทรมาขอร้องว่าอย่าแจ้งความเลย เขายอมรับผิดชอบ เราบอกให้ผู้กว้างขวางจัดการตามเห็นสมควร คนขับเป็นทนายความเสียด้วยไม่น่าเชื่อ!  และบอกให้สอนด้วยอย่าทำเช่นนี้อีกเฉี่ยวชนแล้วหนี ไม่ดีๆ เราไม่อยากจองกรรม ก็ยอมรับผิดก็แล้วไป คนขับเอารถกลับมาก็เลยเห็นว่าเฉี่ยวกระแทกเอาที่ล้อด้านขวาหลัง เพราเขาจะหักกลับเปลี่ยนใจจากออกขวามาเป็นเลี้ยวซ้ายเลยหักกลับเข้ามาเร็วไปหน่อยเลยเฉี่ยว หยุดกึก แล้วแซงหนีไปเลย ยอดมาก เฮ้อ! ใจคน

(มาบันทึกต่อ ว่าจนถึงบัดนี้ทนายความที่ขับรถอบต.แหลมทราย ชุมพร คนนั้น ก็ยังไม่ได้ทำตามคำพูดที่บอกไว้กับผู้กว้างขวางเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะงานนี้เราไม่เอาเรื่องเพราะเกรงใจผู้ที่มาขอเราอีกท่าน แต่การที่เขาผิดคำพูดที่ให้ไว้ อกุศลกรรมก็บังเกิดกับเขานับแต่นั้นแล้ว กลายเป็นคนผิดสัจจะที่กล่าวไว้อีก น่าสงสารจริงๆ มึความรู้แต่ขาดสำนึกที่ดี....13 เม.ย.)

เย็ยเราไปรับ link กลับบ้าน แล้วไปวัดต่อวันนี้วันพระเลยได้สวดมนต์ 2 ชั่วโมงเศษ นั่งสมาธิต่ออีกเล็กน้อย แล้วแผ่เมตตา เราอุทิศผลบุญไปหลายที่ แต่เจาะจงที่ larna กลับมากรวดน้ำให้เธออีก ปีมะโรงจ๋าอย่าดุนักเลย

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

14 Feb: surprise เล็กๆ


วันนี้ไปมหาวิทยาลัยตามปกติ เที่ยงไปทานสเต๊กปลา เย็นช่างไฟมาทำงานต่อ กลุ่มฮังการีมาดูบ้าน โตมาบ้าน

ไปซื้อทารต์ไข่ของ KFC  มา surprise สามีเล็กๆ :) สำหรับอาหารว่างยามบ่ายแก่ๆ (เย็น) ที่ไม่ทานข้าว

หมายเหตุ  บ้านนี้ไม่มีวันพิเศษอะไร ทุกวันคือปกติ
เพียงแต่วันนี้เขามีขายเพราะเป็นวันวาเลนไทน์ของบางประเทศ จะซื้อดอกไม้ก็พ้นวัย หรือไม่ก็เป็น meepole ตัวปลอมซะแล้ว ซื้อทารต์ดีกว่าไม่แพงนักแถมได้กินอีก คิคิ

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

13 Feb: รัก larna นะ


เช้าตื่นต้มไข่เพื่อใส่บาตร เตรียมหมูทอด ด้วย ตักบาตรให้ larna และงู  ไปวัด ซื้อดอกไม้สดบูชาพระ

บ่ายช่างไฟมาติดตั้งไฟในสวนสนามหน้าบ้าน เพิ่มอีก 7 ดวง รั้วเปลี่ยนให้สว่างขึ้น เย็นแป่วเอาขาหมูต้มมาให้เด็กๆ กินกันเปรมไปเลย

วันนี้เขียนเรื่อง ส้วมไฮเทค..อ่านก่อนซื้อ http://meepole.blogspot.com/2012/02/blog-post.html


คุณสุพัฒน์โทรมาคุย จะขอให้ช่วยเรื่องธุรกิจสกัดสารจากขมิ้น ก็รับปากในส่วนงานวิชาการ ค้นเรื่องที่จะเริ่มต้นทำให้ อย่างอื่นไม่ยุ่ง เพราะไม่มีเวลาแบ่งให้ ชีวิตขอเวลาสำหรับ "การเป็นคน" ให้มากขึ้น

วันนี้ความรู้สึกดีขึ้น ไม่ไช่เพราะรู้จักคิดหรือตัดใจหรอก แต่เพราะคิดว่าพอที่จะไว้อาลัยในช่วงหนึ่ง ที่ต้องปล่อยให้เขาบ้างเดี๋ยวจะกลายเป็นหุ่นยนต์ไป  รู้ว่ารัก larna มาก ดีที่ตอนเขามีชีวิตเราทำดีเท่าที่ทำได้ แม้จริงๆอาจตามใจเขาได้มากกว่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำ เช่นเขาชอบนั่งรถเล่น เราไม่ได้พาไป แต่อิสระในบ้านนั้นเต็มที่ และมีเวลาให้เขา พูดกับเขามากที่สุด พูดมากกว่าพูดกับคนหลายเท่านัก ให้กินทุกอย่างที่เรากิน ยกเว้นช็อกโกเล็ตที่หมากินไม่ได้  นี่เป็นการพิสูจน์ที่ใครๆก็พูดว่าตอนที่มีชีวิตอยู่ทำดีต่อกันให้มาก ตายไปจะได้ไม่เสียใจที่ไม่ได้ทำให้ต่อกัน สำหรับ larna เราถือว่าเขาโชคดีที่ได้รับความรักจากครอบครัวเราทุกคน เขามีความสุข และเขาทำให้เรามัความสุขเช่นกัน เป็นมิตรที่น่ารักที่สุด แล้วเราจะเขียนถึงเธออีกครั้งเมื่อโอกาสมาถึง วันนี้บอกบันทึกเพียงว่า ดีใจที่ชาตินี้ได้รู้จักและเลี้ยง larna ชาติภพใดที่ได้เกิดร่วมภพกันขอให้ได้เจอกันอีกทุกภพ รักนะ larna

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

12 Feb: รักนะ larna /ร้านซารัง


วันนี้เช้าไปตักบาตรให้ larna อีก เห็นตรงข้ามมีแผงหมูสด เลยข้ามไปซื้อกระดูกหมูมาต้มให้เด็กๆ 4 ตัวรวมเจ้าสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเอามาศุกร์ที่ 10 กพ. ตั้งชื่อว่า ซันวา (ไม่ไช่ก๊อกน้ำก็แล้วกัน) ตัวเมีย จะได้ไม่มีปัญหากะ pote' (ผู้)  และซื้อหมูสามชั้นมาทำหมูเค็มทอดตักบาตรพรุ่งนี้อีก

เมื่อวานทำบังสุกุล ถวายสังฆทานอุทิศให้เขา เมื่อคืนฝันเห็น  larna เราดีใจมาก มีความสุขที่ได้พบกัน อยากฝันเห็น larna ทุกๆคืน ตอนนี้ก็เปิดประตูช่วงหลังให้เต้ ไปเดินเล่นรอบบ้าน larna  เขาเวียนไปดูที่บ้านเคน-larna ทุกครั้ง เราเห็นแล้ว แอบเศร้าทุกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเขารู้ไม่ว่าหลุม larna ตรงนั้นเขารู้หรือไม่ ตอนนี้ใจเรายังไม่ปกตินัก ไม่มีใจจะคิดเขียนอะไรมากนัก ยังอยากพักใจสักช่วง

วันนี้ไม่สดชื่นเลยชวน link ไปทานอาหารเกาหลีที่ร้าน "ซารัง" หน้าตลาดหัวมุมพอดี คุณภาพไม่ผ่านสำหรับเรา แต่คนทั่วไปที่เราแอบมอง ก็เห็นไม่มีใครสนใจเลย ...ที่ร้านนี้เขาใช้ช้อนเหล็กด้ามยาว ตะเกียบเหล็ก (สเตนเลส) เวลาเสริฟเด็กถือตะเกียบมามือเปล่า ไม่มีซองหรือกระดาษใส่รองมา แถมจับเต็มมือแล้วเคาะบนฝ่ามือเล่น มาถึงโต๊ะก็หยิบวางจับด้านไหนก็ได้ ดูแล้วไม่มีสุขอนามัยเลย เพราะมือที่จับตะเกียบเหล็กก็เชื้อโรคทั้งนั้น (ข้อเสียของตะเกียบ ช้อนเหล็ก หรือโลหะ หากมือที่จับหยิบมีเหงื่อ ไขมัน มันจะติดหนึบ เช็ดแล้วก็อยู่บนนั้นล่ะ)  กับโต๊ะอื่นก็ทำเช่นกัน แต่แอบมองเห็นเขารับมาก็ใช้หยิบทานเลย ไม่ต้องเช็ดอีกด้วย ดีจังไม่คิดมากแบบเรา เพราะเราบอกให้เอาไปเปลี่ยน กลับมาก็จับแบบเดิมแต่วางบนกระดาษทิชชูให้  เราก็เลยเช็ดใหม่เอง มันก็ไม่สะอาดขึ้นหรอกเพราะต้นทางไม่สะอาดซะแล้ว ก็คิดว่าร้านนี้เข้าครั้งเดียวพอ คนรุ่นใหม่ส่วนมากสกปรกก็คงกินได้กระมัง คงคุ้นชิน เลยละเลยกันเป็นปกติ  ทำให้ร้านค้าเขาคิดว่ายังไงก็ได้ ง่ายๆเหมือนกัน! การบริการค่อนข้างเฉื่อยชา แบบบ้านๆดี :) ที่ไปก็เพราะเห็นทำโฆษณาไว้หลายที่ อยากลอง อาหารไม่มีอะไรโดดเด่นนัก จัดร้านได้ค่อนข้างดีสำหรับชนบท หุ หุุ

ค่ำนี้ทำหมูทอด ไว้ตักบาตร  สวดมนต์อุทิศอานิสงส์ให้ larna สรรพสัตว์ที่ได้เบียดเบียนต่อกันไว้

My silent corner 16 : ทุนเล่าเรียน /การเตรียมสมัครที่เรียน

เอกสารยืนยันการได้รับทุนจากรัฐบาลไทย ที่ต้องแนบไป

เราไม่รู้ว่าสมมุติหากเราไปเรียนด้วยทุนตัวเอง (ทุนครอบครัว) จะยุ่งยากมากไหมในเรื่องการเตรียมเอกสารต่างๆ  แต่สำหรับเราการสอบชิงทุนไปเรียนต่อนี่ก็เป็นอะไรที่เกินความคาดหมาย การเตรียมตัวก่อนสอบจึงแทบไม่มี เพราะจากวันที่สามีบอกให้เรียนต่อคือวันสุดท้ายของการยื่นสมัคร จึงเหลือการเตรียมตัวไปสอบภาษาอังกฤษที่ส่วนกลางจัดสอบทั่วประเทศพร้อมกันน่าจะไม่เกินเดือน ก็เลยไม่เครียด ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ เราไม่รู้หรอกว่าคนที่สมัครแบบเดียวกับเราที่ต้องมาแข่งกันมีกี่คน ก็ดีไม่ต้องลุ้น สามีพาไปสอบ นั่งรอข้างสนามสอบ รายนี้พ่อยก คิคิ สอบเสร็จออกมาไม่รู้หรอกว่าได้ไหม ไม่คิดอะไร นอกจาก try my best  ในที่สุดวันประกาศผลมาถึงบอกสอบข้อเขียนผ่าน ให้เข้าสัมภาษณ์ได้ ก็ไปกทม.อีก คราวนี้ตื่นเต้นเพราะดีใจที่สอบผ่าน และต้องเป็นด่านที่เจอคนสัมภาษณ์ วันสอบก็รู้ว่ามีหลายคนที่เลือกทุนเดียวกัน มีกรรมการสอบเต็มห้องประชุม (จำไม่ได้ว่าที่ไหน) กรรมการโต๊ะละ 3 คน มีชาวต่างชาติ 1 คน หลังจากนั้นไม่นานก็รู้ว่าสอบทุนผ่าน มีสำรอง 2 คน หากเราสละสิทธิ์  ตัดสินใจอยู่หลายวันว่าจะเรียนหรือสละสิทธิ์  ปรึกษาพระอาจารย์ ผู้ใหญ่ สามี  ในที่สุดเรียนก็เรียน

...แต่การเลือกประเทศเป็นเรื่องของเราโดยทุนนี้ให้เลือกประเทศในยุโรป แคนาดา สหรัฐอเมริกา  ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จากการปรึกษาทั้งอาจารย์ตอนเรียนโท พระอาจารย์หลายรูปที่นับถือสนิทกัน  อาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ให้เรา และสามี ในที่สุดก็มาลงตัวที่ประเทศอังกฤษ ด้วยหลายเหตุผล (ไม่เคยรู้ว่านี่เป็นลิขิตล่วงหน้ามาประมาณ 3 ปี จะบันทึกคราวต่อๆไป) หลังจากนั้นก็เป็นการเลือกมหาวิทยาลัยในอังกฤษให้ตรงกับสาขาที่รับทุน  ตรงนี้ล่ะยิ่งกว่า shopping อีก สมัยก่อนโน้นไม่มีการสื่อสารที่รวดเร็วมากนัก การเข้าถึงข้อมูลต้องไปที่ศูนย์การศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ธนาคารกรุงเทพ จำสาขาไม่ได้ คิดว่าน่าจะสีลม กรุงเทพ ก็ไปเริ่มต้นที่นั่น สำหรับคำแนะนำ ข้อมูลและเอกสารต่างๆ ได้มาแล้วก็เอามาคลำทางเอง คราวนี้สนุกแต่เครียดกว่าเดิม เพราะต้องตอบไปทางกพ.(คุณปิติกาญจน์) ว่าเลือกประเทศใหน มหาวิทยาลัยอะไรก่อน เพื่อเขาจะดำเนินการทางเขา ซึ่งมีเวลาไม่นานนักสำหรับเด็กบ้านนอก ตจว.ที่ไม่ค่อยประสีประสาเรื่องอะไรเกี่ยวกับตปท.แต่โชคดีมีสามีผู้รอบรู้ เรื่องเลยเร็วเพราะรู้ไปโม้ด สารพัดเหตุผลที่เอามาแจกแจงให้ฟัง ว่าที่ไหนเป็นอย่างไร เลยส่งชื่อมหาวิทยาลัยที่เลือกให้ตรวจสอบ เพราะต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่กพ.รองรับ และ ranking " Top ten " ผ่านแล้วในที่สุดเลือกส่งใบสมัคร กรอกๆๆ ไปยัง 4 มหาวิทยาลัย ที่มีสาขาตรงกับที่ทุนให้เรียนคือ Environmental biotechnology (เทคโนโลยีชีวภาพสิ่งแวดล้อม)  ในที่สุดทั้งสี่มหาวิทยาลัยก็ตอบรับมาทุกที่ ก็เป็นรายการเลือกอีก brain storm กันก็ได้เลือก King's College , University of London  แน่นอนอันนี้ผ่านการตรวจสอบ ความเหมาะสม ความทันสมัย ชื่อเสียงด้านต่างๆ และระบบการศึกษา ตกลงเลือกที่ King's แล้วเรื่องก็ยังไม่จบเรื่องเพราะนั่นเป็นเบื้องต้นเท่านั้น ต้องสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านตามเงื่อนไขของมหาวิทยาลัย คือ IELTS ซึ่งขอที่ เกณฑ์ minimum  6.5 ตายแน่ๆๆ

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

11 Feb: คิดถึง larna


วันนี้เช้าไปตักบาตรให้ larna และงูเห่า สมศักดิ์เอาชุดสังฆทานมาให้ แล้วไปส่ง pa เราจัดการเตรียมจัดอาหาร ของและปัจจัยที่ pa ฝากมาร่วมทำบุญให้ larna ด้วย ประมาณ 10 โมงถึงวัด ไปถวายสังฆทานกับท่านกอบ และให้ท่านสวดบังสุกุลให้ larna และงูเห่าคู่กัด และงูตัวอื่นๆ ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายที่ได้เบียดเบียน ท่านสวดสดับปกรณ์ให้ เสร็จไปร้านเครื่องไฟฟ้าจัดการเรื่องช่างแอร์ LG ที่ไม่ไปซ่อมให้ท่านดอยตามนัดมาหลายครั้ง ท่านบ่นให้ฟังเลยรับอาสาจัดการตามให้ ก็ไปคุยกับฝ่ายบริการ  ตอนบ่ายก็ทราบข่าวจากท่านว่าเขาจะเอาตัวใหม่ไปเปลี่ยนให้ท่าน เราซื้อตู้เย็นอีกหลัง แต่ต้องรอก่อนเพราะที่ต้องการหมดต้องรอ ก็ราวสองสามวัน

กลับบ้านกรวดน้ำบนหลุมอุทิศให้ larna วันนี้จัดการตกแต่งวางอิฐรอบหลุมให้สวย จะหาดอกไม้สวยๆมาปลูกบนหลุมของเธอ

วันนี้เต้ดีขึ้น เจ้าหนูตัวใหม่เอาจากวัดพระอาจารย์มา ไม่น่าเชื่อว่าหมา 4 ตัวแม่ลูกที่เราเคยช่วยในคืนที่กลับจากสวดมนต์ เห็นมันถูกเอามาทิ้งในวัด แม่ขี้เรื้อน ลูกก็ไม่ต่างกัน ตัวเปียกมอมแมม สกปรก พวกเราช่วยกันให้น้ำ ให้นมกิน พระอาจารย์เมตตาให้ที่อยู่ หาคนมาช่วยรักษาจนหายขี้เรื้อนทั้งกลุ่มแถมยังสวยอีกต่างหาก งง !  ตอนนี้เรากลับต้องเอามา1 ตัวเพื่อเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเต้ เขาน่าผสมอาเซเชี่ยน เอามาเมื่อวานช่วงเช้า เมื่อวานเต้สนใจ แต่เจ้าหนูไม่สน ยังปรับตัว วันนี้เล่นกันแล้ววิ่งไล่กันสนามหญ้ากระจุย

เย็นนี้แวะไปดูข้างบ้านหยีที่ให้ฝรั่งฮังการีมาช่วยซ่อมแซมบ้านพ่อเขา พวกเขาพูดอังกฤษไม่ค่อยได้เลย พูดไทยได้น้อยเลยพูดผสมๆ เดาๆกันไป ภาษาใบ้ กับเดา ใช้ได้ดีกว่างานนี้

ยังคงคิดถึง larna มาก ยังไม่อยากบันทึกอะไร รอทำใจให้สงบอีกระยะ

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

10 Feb:


วันนี้เช้าไปตักบาตรให้ larna และงูเห่าคู่กรณี ไก่ทอด หมูปิ้ง ขนมโมจิจากนครสวรรค์ อุทิศบุญให้เกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีขึ้น
ไปมหาวิทยาลัยเอาของไปฝากน้องๆ และเจอดร.รุ่นกลาง ขอปรึกษาเรื่องการย้าย เธอเพิ่งกลับจากการเรียนต่อไม่นานยังใช้ทุนไม่หมด คงยากหน่อย แต่ก้ให้คำแนะนำไปตรวจสัญญาให้ดีก่อน และจัดการกับฝ่ายรับ ส่วนฝ่ายนี้หากจะขอย่ายต้องมั่นใจว่าสำเร็จไม่งั้นจะโดนกลั่นแกล้ง และบั่นทอนเหมือนบางดร.ที่เคยโดนมาแล้ว ต้องระวังในที่ๆมี "อบัณฑิต" อยู่มาก ที่นั่นต้องระวังให้มากเพราะมันเป็นที่ของคนพาล คนขาดคุณธรรม โดยแท้

วันนี้เตรียมดินให้ larna เพื่อปลูกดอกไม้ให้สวยๆ คิดถึงเขามาก เต้ก็เช่นกันยังเหงาอยู่ ไม่มีการเล่นประลองกำลังก่อนกินแบบทุกครั้ง คนเตรียมก็เหงาไปด้วย เฮ้อ!

เที่ยงไปหาช่างไฟฟ้าให้ช่วยมาตรวจดุบริเวณเพื่อติดไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

คืนนี้สวดมนต์แล้วอุทิศบุญกุศลให้ larna และงูเห่าตัวนั้น ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ larna  pote' ken ได้เบียดเบียน

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

9 Feb: เรื่องของวันนี้


เมื่อวานเดินทางจากอาศรมวังน้ำเย็น อ.พบพระ ตาก ตั้งแต่ 07.30 ถึงบ้านตอนเกือบ 5 ทุ่ม ม้วนเดียวคนขับยอดมากต้องชม  ขับเกือบ 12 ชั่วโมง มาเปลี่ยนมือเมื่อถึงชุมพรให้ก๋องขับต่อ เสียวไส้จริงๆ แต่ขับได้แน่มาก ดีที่ทุกคนหลับ ยกเว้นเรา มีบางช่วงที่นั่งสมาธิในรถเพราะต้องสยบความหวาดเสียว ไม่งั้นเห็นแล้วเครียด กลับบ้านก็รีบวางของแล้วทำใจสักครู่รวบรวมกำลังใจ ไปดูที่ๆ larna ใช้นอนหลับพักผ่อนไปชั่วนิรันดร อธิษฐาน อุทศบุญที่ทำมา บอก larna ว่าเราได้ไปทำอะไรบ้าง แล้วกรวดน้ำลงไปที่เธอนอนให้เขารับผลบุญ  ขึ้นไปสวดมนต์ต่อ บอกเจ้าที่เจ้าทางขอให้เธอเข้าออกบ้านได้ เต้ที่อยู่ด้านล่างก็หอนร้อง 1 ครั้ง ก็คิดว่าเธอคงเข้ามาในบริเวณบ้านแล้ว ตอนนี้เรายังไม่อาจบันทึกเรื่องนี้ได้ขอเวลาสักช่วงหนึ่งก่อน

วันนี้ยุ่งกับหลายเรื่อง ทำอาหารไปถวายเพล จัดของที่ยังไม่ได้ขนกลับ ไปหาพงศ์ศักดิ์ คุยเรื่องช่างไฟฟ้า ไปหาชางแอร์ ไปหาช่างไฟฟ้า

เอาของไปให้อากี แล้วคุยหลายเรื่อง คุยเสร็จก็กลับมาให้อาหารเด็กๆ

คืนนี้สวดมนต์อุทิศให้ larna

6-8 Feb: โครงการพระธรรมจาริก /2555


เดินทางไปจ.ตาก ไปช่วยงานตามคณะของท่านพระเทพสุธี และท่านพระเทพกิติเวที ซึ่งปีนี้ไป 3 อาศรมคือ ปูแป้ แม่ระมาด และปะทะละ ปีนี้มีพระธรรมจาริกมามากกว่าปีก่อน และชาวเขามาเยอะ มีกะเหรี่ยง  ปากะยอ คุยกับเขาแล้วให้คิดถึงดร.ขจิต ฝอยทอง เป็นยิ่งนัก เพราะอจ.เคยให้ความรู้คุยกันใน GTK แต่ท่านพระเทพสุธี กับท่านทิม และคณะวัดปากน้ำ ต้องกลับก่อน1 วันเพราะป่วยกัน กลัวว่าอาการจะแย่ ส่วนเรามีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นแม้ทำใจได้ด้วยการใช้อนิจจังมาพิจารณาแต่ทำได้เพียงการระงับทุกข์ เพื่อให้ทำงานได้ต่อไป และก็รีบเดินทางกลับเช่นกัน ครั้งนี้จึงไปแค่ 2 อาศรมแต่ก็ดีมากที่ปีนี้จำนวนพระและชาวเขามาร่วมมาก ทำให้ทุกคนที่ไปมีความสุข อิ่มใจ อิ่มบุญกันทั่วหน้า มีเหตุการณ์หวาดเสียวมากเกิดขึ้นในระหว่างเดินทางแต่สังหรณ์ใจล่วงหน้า เมื่อเกิดเฉพาะหน้า รอดมาได้ ย้อนคิดกันก็บอกได้ว่าผลบุญที่อธิษฐานและทำร่วมกัน ขอให้มีศรัทธา faith ตั้งมั่นในความดีที่ทำ และทำด้วยใจก็รอดพ้นมาได้แบบตอนเกิดเรื่องรู้เลยว่าหากเกิดเรื่องจริงตอนนั้น สงบพร้อมคืออะไร เพราะเรามั่นใจว่ารอดแม้จะชน แต่คิดทันทีเช่นกันว่าไม่ เป็นเสี้ยววินาทีที่แปลกมาก ต้องชื่นชมคนขับของเราจริงๆที่สตินิ่งมาก ทุกคนในรถนิ่งมากเพราะเงียบไม่มีอาการอะไรเหมือนว่าเป็นฝัน และสิ่งที่เห็นไม่มีใครเห็น ก็ถามสามีว่าเห็นไช่ไหม เขาบอกว่าเห็นแต่เหมือนเงาผ่านไป เหลือแต่คนขับเราที่ยังไม่ได้ถาม เพราะอยากให้เหตุการณ์ผ่านไปก่อน ได้พักเหนื่อยก่อนแล้วค่อยสอบถามว่ารู้สึกอย่างไร ส่วนพระอาจารย์เราไม่แปลกใจเพราะวันนั้นตอนเช้าพระอาจารย์สวดมนต์ยาวมากในรถ ยาวกว่าวันก่อนๆ จนสังเกตุเห็น แต่เราก็ระวังทั้งวันตลอดจน เกือบ 5 ทุ่ม แอบสวดบทพิเศษในใจเป็นระยะๆ ไม่ได้หลับเลย ส่วนพระอาจารย์ช่วงหลังร่างกายคงอ่อนเพลีย ก็ไม่ไหวหลับเพราะให้ฉันยาแก้ไข้หวัดที่ก่อตัวและไอตลอดเส้นทาง

คณะที่เหลือเดินทางไปปะทะละ อุ้มผางต่อ คณะจากสุราษฎร์ปีนี้ไปมาก 8 คันรถก็ยังไปต่ออีก 6 คัน ถ่ายของนำของไปต่อ ปีที่แล้วไป 4 คันรถ แต่ของที่เอาไปเต็มเพียบเฉพาะไข่เค็ม 1600 กล่อง ขนมเต็มคันรถ เงินซองละ 50 บาท 2000 ซองให้นักเรียน และเด็กๆชาวเขา และอีกส่วนสำหรับคุณครูที่พานักเรียนไป

รายละเอียดอื่นๆจะเขียนใน my silient corner: I see I think I write คงเป็นสุดสัปดาห์ ตอนนี้ยุ่งกับหลายเรื่อง

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

5 Feb:


วันนี้ออกข้อสอบ Env Biochem นศ.ถอนเหลือ 7 คน (มี 13 คน) บอกว่ายาก กลัวตก เกรดต่ำอยู่แล้ว เราก็บอกว่าให้ขยันอ่าน ทำความเข้าใจ ถาม สุ จิ ปุ ลิ  แต่เด็กที่นี่มักเป็นเช่นนี้ ยากที่จะมีความเพียรพยายามเหมือนคนรุ่นเราๆ

บ่ายจนค่ำยุ่งกับการจัดเตรียมของให้พระท่านทั้งหลาย ไปซื้อของเพิ่ม เพราะท่านจะต้องไปในที่ไม่มีไฟฟ้า 2 คืน ปีนี้คณะมีขบวนที่มากกว่าเดิม ของที่ขนไปให้พระธรรมจาริกมีมากขึ้น

อากาศร้อนมากต้นไม้เหี่ยวขาดน้ำ ยุ่งๆเลยลืมรดน้ำ วันนี้ยุ่งมากจนไม่ได้เขียน my silient corner เก็บรวบยอดอาทิตย์หน้า

4 Feb:


วันนี้มีกิจกรรมมากมาย ไกล้เที่ยงออกไปซื้ออาหารให้หมาๆทั้งหลาย ไป Tesco ได้รองเท้ามาโดยไม่ตั้งใจ แรงหนุนของ link ทานเที่ยงเสร็จไปวัดช่วยงาน pack ซอง 1800 ซองกีกับแปะไปด้วย ตอนเย็นท่านขาว ท่านวสุ เอาเงินมาให้ยกตู้มาเลยก็ต้องช่วยกันนับต่อ เอาปัจจัยที่พี่ติ่งให้มาถวายพระอาจารย์ มีคนเอาไช่เค็มมาถวายเยอะมาก ได้เป็นพันกว่ากล่องแล้ว

วันนี้ท่านทิมรับมอบตราตั้งอุปัชฌาย์และเดินทางกลับ พระอาจารย์บอกให้โทรไปแสดงความยินดี เราโทรไปท่านมาถึงชุมพรแล้ว

กลับบ้านให้อาหารเด็กๆ แล้วออกไป BigC ต่อ ซื้อเสบียงเตรียมให้พระเดินทาง 15 รูป เจอฟ้งและพงศ์ศักดิ์ เขาถามว่าทำไมซื้อมากนักก็บอกให้ฟัง ฟ้งฝากร่วมทำบุญด้วย 500 บาท สาธุ เป็นครั้งแรกที่เดินจนห้างปิด ก็ได้ดังประสงค์ ขาดกาแฟถ้วย พรุ่งนี้ซื้อต่อ

คืนนี้โทรคุยกะพี่ไก่ เรื่องอากีเป็นส่วนใหญ่ และชวนเราไปปฏิบัติธรรม

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

4 Feb: อีแมว - แทงยู ที่ขำไม่ออก แต่บ่งบอก...

ที่มาภาพ wedding2hand.com

วันนี้มีการสัมภาษณ์เด็กนร.ที่สอบไม่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก (ไม่รู้เพราะโควต้าบังคับหรือเปล่า) แต่เอาคนที่สอบไม่ได้แต่อยากจะเข้าเรียนที่นี่มาเข้าค่ายนันทนาการวันสองวัน มีกิจกรรมสนุกสนานแล้วคัดเลือกใหม่ ปรากฎว่าอจ.ที่ไปสัมภาษณ์กลับมามาเล่าว่า เด็กไม่มีความรู้วิทย์เลยถามสูตรของคาร์บอนไดออกไซด์ยังตอบไม่ได้เลย มีบางคนไม่ได้แม้แต่คำถามเดียว ถามอะไรก็ยิ้ม ก็เลยไม่รับ แต่มีอยู่คนนึงโชคดีเพราะอาจารย์ที่สอบบอกไม่รับเพราะกลัวว่าเข้ามาแล้วต้องเรียนวิทย์มากมายกลัวไม่รอด แต่รองคณบดีมายืนข้างหลัง และบอกว่ารับไปเถอะเด็กเขาอยากเรียน ก็เลยรับ ก็มาคุยให้ฟังว่าคงเรียนไม่รอด แต่มหาลัย ขอทำยอดตัวเลขอย่างเดียวเพราะค่าหัวเด็กเงินทั้งนั้น ... ไม่งั้นระดับบริหารจะเอาเงินที่ไหนดูงานต่างประเทศอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ปีนี้น่าจะเกินแล้ว ปีใหม่ไปครั้งหนึ่งแล้ว แยกประเทศกันไป อาทิตย์นี้ยกทีมสิบกว่าคนไปตุรกีกัน ไม่ได้ตาร้อนนะ ด้วยเกียรติของอนุกาชาดไทย แต่เสียดายเงินแผ่นดินจริงๆ confirm ! เสียดายจัง บางอย่างก็ไม่ควรบันทึก เรื่องสำนึกตีค่าไม่ได้ เหมือนคอรัปชั่นเชิงนโยบายที่จับไม่ได้ ใจเท่านั้นที่รู้แก่ใจ

กลับมาคราวนี้อธิการบดีในสถาบัน(แห่งหนึ่ง ไม่มีสอง) คงมีภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น หลังจากเคยไปดูงาน เจรจากับสถาบันต่างๆมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ประเทศก็นับจนงงแล้วมากมาย เพราะเมื่อวานลือกันให้ทั่วในสถาบัน(แห่งหนึ่ง ไม่มีสอง) ว่าอธิการกล่าวปิดการอบรมภาษาอังกฤษอาจารย์และต้องการแจกใบรับรอง แต่มีการเชิญให้พูดก่อนเป็นภาษาอังกฤษ ว่าแล้วหยิบโพยมาอ่าน แต่ไม่อ่านแค่เหลือบดูเป็นระยะๆแล้วพูด ทุกคนเงียบกริบฟัง ไม่ไช่เพราะตั้งใจฟังมาก แต่เพราะไม่เชื่อหู ต้องการฟังให้ชัดว่าที่พูดน่ะคืออะไร เพราะข่าวบอกว่าฟังจนจบไม่รู้ว่าพูดอะไร ฟังไม่ได้ศัพท์ นอกจากคำที่ตอนแรกคนที่เล่าให้เราฟังบอกว่า งงๆๆ เพราะไม่นึกว่าระดับอธิการบดี จะกล่าวคำนี้ซ้ำๆถึง 5 ครั้งในการกล่าวช่วงสั้นๆ คือ  แทง-ยู (Thank You ) แทงยูๆๆๆๆ ทุกคนเลยนึกว่าหูฝาด  หลังจากที่ฟังประโยคอื่นไม่รู้เรื่อง หันไปมองอจ.ชาวต่างชาติที่สอน เขาก็ส่ายหัว ว่าเขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน พวกอจ.ที่เข้าอบรมเลยสบายใจขึ้นว่าไม่ไช่อุตส่าห์เข้าอบรมมาเกือบเดือน ไม่พัฒนาหรือไงจึงฟังอธิการบดีพูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง  เราบอกว่าไม่แปลกใจเพราะแกยังเคยจะให้พวกกรรมการสภาฯมี "อีแมว" กันเลยจะได้ส่งข้อมูลให้ เราบอกจนท.ที่จัดการว่าเราไม่เอา "อีแมว" นะ เพราะที่บ้านเลี้ยงหมาหลายตัวเดี๋ยวหมาจะกัด "อีแมว" ตายก่อน เราเลยไม่มี "อีแมว" สถาบันใช้ มีแต่ email ส่วนตัวที่ไม่บอกอธิการ กลัวเขาส่ง "อีแมว"มาให้ แล้วเราต้อง "แทงยู"  อาจบาดเจ็บแถมอาจถูกเรียกไปพบและบอกว่าเรา"โง่ " อีก หุ หุ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมสถาบัน(แห่งหนึ่ง ไม่มีสอง) นี้จึงมีคุณภาพแบบนี้ สงสารพ่อแม่และนศ.ตาดำๆ

เรียน...รมต.กระทรวงศึกษาฯที่มัวไปสนใจเด็กประถม มัธยมว่ากลัวจะพูดอังกฤษไม่ได้ คงต้องฝากให้หันมาใส่ใจอบรมระดับอธิการบดีบางสถาบัน (แห่งหนึ่ง ไม่มีสอง ซึ่งคงหาได้ยากหน่อยในระดับนี้) บ้างกระมัง ไม่งั้นตก trend แย่จะเข้ารอบเปิดโลกอาเชียนได้อย่างไร 

หมายเหตุ ที่บันทึกเช่นนี้ไช่ว่าเราจะมีเจตนาที่ไม่ดีก็หาไม่ หากแต่คนที่รู้เบื้องหลังอะไรหลายๆอย่าง ก็คงบอกว่าน้อยไปสำหรับ.... ของแบบนี้ไม่อยู่ในสวล.เดียวกันจะไม่เข้าใจ เราเคยคุยกับพี่คนหนึ่งว่า ขอให้เราออกจากสถาบันนี้ ไม่รับรู้เรื่องน่ารังเกียจที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อน คงจะลดกรรมของตนในส่วนนี้ลงบ้าง ตอนนี้เรายังคงต้องพูดๆบ้างเพราะเวลาคนเดือดร้อนไม่มีที่ระบาย จะได้มีคนช่วยเขาได้ เพราะคนส่วนมากกลัว กลัวตกงาน กลัวการกลั่นแกล้ง จึงยอมถูกบีบ บางคนเพราะโลภก็จะยอม ไม่มีใครแก้ไขได้ เพราะอำนาจเงินทำให้ความเป็นคนลดลง ต้องเหลือคนที่ยอมเจ็บตัวเพื่อความถูกต้องบ้าง ไม่เป็นไรเรายืนบนขาตัวเองได้และแข็งแรงเสียด้วย โชคดีที่บรรพบุรุษทำอะไรดีๆไว้ให้เป็นตัวอย่าง เลยสามารถช่วยให้คน(อยาก) ดีไม่ถูกเบียดเบียนและมีกำลังใจยืนหยัดต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

2 Feb:

sanook.com

วันนี้สอนตั้งแต่ 08.30-18.30 น พักเที่ยง สอนชีวเคมีสวล หัวข้อ metabolism of toxicants และกลไกการก่อลูกวิรูป รูป slide เป็นที่น่ากลัวของเด็กมาก เราเองก็เหมือนกันสอนเรื่องนี้ทุกทีติดตาภาพน่ากลัวไปหลายชั่วโมง

 ตอนบ่ายพี่ติ่งเอาเงินมาฝากถวายพระอาจารย์เพื่อร่วมบุญโครงการพระธรรมจาริกปีนี้ เราขออนุโมทนาบุญด้วย

สอนต่อไม่มีเบรค แต่ให้นศ.เข้าห้องสมุดค้นหัวเรื่องทำรายงานมาส่ง 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นมีนศ.มาส่งใบขอดรอปวิชา 7 คน ก็เลยต้องคุยทำความเข้าใจผลเสียของการดรอป หลังจากนั้นเป็นการตัดสินใจของเขา พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการดรอป

เย็นไปเทสโก ซื้อของเตรียมเสบียง

กีกลับจากกทม. แปะไปรับชวนเราไปหาดใหญ่ต่อ ก็คิดว่าคงไม่ไป

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

1 Feb: shimishimi/ EM



วันนี้เช้าว่าง เจอคนที่รู้จักไม่ได้สนิทแต่เขารู้ว่าเราทำงานที่สถาบันไหน เลยเข้ามาคุยๆๆๆเรื่องหลานสาว (ลูกพี่สาว)  ฟังแล้วเฮ้อ! ไม่รู้เป็นกรรมของใคร จะเอาไว้เขียนคราวหน้า เป็นบทเรียนชีวิตที่ดีมาก พรุ่งนี้จะเอาไปเล่าสอนเด็ก

พี่ไก่กลับกทม.แล้ว โทรมาถามไถ่เรื่องที่คุยกัน และตกลงเอาแม่พี่แอ้ดกลับไปด้วย วันนี้ได้ข่าวคนชอบฟ้อง ฟ้องต่อไป น่าสงสารจัง เมื่อไหร่ชีวิตพวกเขาจะเดินบนความจริง หยุดรู้จักพอ สำนึกผิด ละอายบาปที่ได้ทำลงไป ใส่ความคนไปทั่ว ชีวิตครอบครัวเขาเลี้ยงชีพด้วยของบาปเหล่านั้น ไม่กลัวกรรมตกถึงลูกหลานหรืออย่างไร น่ากลัวกรรมจัง เรายังกลัวแทนบั้นปลายของลูกพวกเขาเลย

วันนี้เพิ่งเห็นนักข่าวที่เป็นพิธีกรข่างช่อง 5 (ดร.วิทย์ และอีกคน) ที่มีความรับผิดชอบสังคมและคำนึงอนาคตชาติ เสนอข่าวเด่นช่วงนี้คือ shimishimi  สำหรับเรามันคือดาบสองคม แต่มันจะค่อนไปทางลบมากกว่าสำหรับนิสัยไทยๆ พิธีกรข่าวอุตสาห์ไปสัมภาษณ์ ราชบัณฑิตภาษาไทยหญิงคนหนึ่ง ฟังแล้วอาการเธอจะมีสำนึกและเข้าใจอะไรยากกว่าพิธีกรมาก โชคดีที่พิธีกรไม่คล้อยตามราชบัณฑิต "ปัญญาดี" คนนั้น ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเดี๋ยวนี้อะไรๆมันจึงด้อยลงๆ น่าสงสารแต่อนาคตของชาติตัวน้อยๆ

ในที่สุดดีใจที่คณะวิทย์ฯจุฬา ทีมอาจารย์ได้วิจัยยืนยันให้เห็นว่า EM ball ไม่ช่วยลดน้ำเสีย หลังจากเคยพูดครั้งหนึ่งแล้วไม่มีใครเชื่อ กระทั่งเราที่เคยเอา paper วิจัยตปท. ที่เขาทำไว้มาให้อ่าน บางคนยังไม่เชื่อเลย สอนนศ. อธิบายที่มา หลักการของเชื้อกลุ่มนี้ให้ฟัง บอกหลายคนโดยเฉพาะเพื่อนที่บ้านน้ำท่วม ว่าอย่าใช้เป็นอันขาด ที่จริงแล้วนอกจากไม่ช่วยแล้วยังมีผลอื่นที่นอกเหนือการคาดคิดของหลายคน หากรู้จะหนาวเลยทีเดียว คราวนี้ไม่รู้ว่ารัฐจะดื้อไม่เชื่ออีกหรือไม่ ครั้งที่แล้วตัดงบค่า EM ไปไม่รู้กี่สิบหรือร้อยล้าน หลายหน่วยงานก้ออกมาร่วมด้วยช่วย__ น่าสงสารชาวบ้านตาดำๆจริงๆ พึ่งคนของรัฐไม่ได้เลย