ถึงเวลาก็ต้องไป
เช้าไปวัด อนัทแวะมาคุยจนเกือบเที่ยง เล่าเรื่องการขอลาออกจากมหาวิทยาลัย และเหตุผลที่ลาออก เพราะมหาวิทยาลัยไม่มีความพร้อม และไม่สามารถให้ความมั่นใจและมั่นคงแก่ผู้ปฎิบัติงานได้ คณบดีเซ็นต์ผ่านแล้ว แต่ยังไม่ทันส่งต่อถูกหน่วยกรองของคณะเอา liquid paper ลบลายเซนต์ออก แล้วคณบดีตามอนัทไปคุยแล้วขอให้แก้เหตุผลเป็นประกอบธุรกิจส่วนตัว เพราะเขียนแบบนี้ลำบากใจ แล้วจะเซนต์ให้ใหม่ และมีการเจรจา 3 ครั้ง โดยใช้ 3 ผู้บริหารคณะมาพูดว่าจะปรับตำแหน่งให้เป็นพนง.มหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากอนัทเป็นคนที่มีความรู้ดีด้านการจัดการขยะ ซึ่งมหาวิทยาลัยต้องใช้ชื่อเขาในการกล่าวอ้างของบ และประชุมกับผู้ว่าราชการ เพราะตัวหัวหน้างานจริงที่เป็นผู้บริหารคือนายอภิชาติเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ต้องการงบจากหน่วยงานอย่างเดียวเพราะทำเช่นนี้ได้เงินมาหลายโครงการแล้ว ก็แล้วแต่สำนึก เงินแผ่นดินโกงกินกันไปเถอะไม่เชื่อผลกรรมก็ต้องรอได้รับไม่นานเกินรอ แต่อนัทบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาแล้วเพราะรู้สึกรังเกียจการกระทำของพวกเขา และบอกว่าเขาเพิ่งเข้าใจสิ่งที่เราเคยบอกและสอนพวกน้องๆในโปรแกรมเสมอ ว่าหมายถึงอะไร และความรู้สึกรังเกียจในการทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งๆที่พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นครูอาจารย์ นั้นหมายถึงอะไรเพราะตอนนี้เขารู้สึกรังเกียจในสภาพโดยรวมเช่นกัน เราก็เห็นด้วยที่เขาลาออกเพราะอนาคตของเขาควรได้ทำอะไรในที่ๆดีกว่านี้ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว และสังคม....และสุดท้ายอนัทก็ต้องยอมแก้เหตุผลตามที่ผู้บริหารต้องการเพื่อรักษาภาพมหาวิทยาลัยและตนเองจะได้ออก
เย็นช่างช่วยมาวัดแนวกำแพงคิด 36,000 บาท
วันนี้เขียนเรื่อง ถ้ำพรรณรา สวยงามแบบธรรมชาติที่ไม่ถูกทำลาย ที่
http://meecorner.blogspot.com/2012/09/blog-post.html