เรื่องราวของบันทึกที่จะเขียนต่อไปนี้ มันจะเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษ ในมหาวิทยาลัยลอนดอน ณ ชั้น 3 ห้อง lab 3.123 ในโซนที่เป็นกลุ่ม life science และทุกที่ที่ใช้ชีวิต....ที่หอพักหรือบ้านพัก (ตามแต่ที่อยู่ในแต่ละปี) บนรถเมล์ รถไฟ ตามถนนทางเดิน และขอแทนตัวเองว่า “มีมี่-mie" ตามที่ถูกเรียกเมื่ออยู่ที่นั่น
.....ชื่อบุคคลในเรื่องนี้ถูกสมมุติขึ้น หากแต่เรื่องและสถานที่ เป็นจริง
เดินทางลัดฟ้าจากประเทศไทยไปลอนดอนด้วยกระเป๋าใบใหญ่มากจนถึงขนาดกลางเล็กรวมทั้งหมด 6 ใบ มาย้อนดูตอนนี้แล้วมันป็นภาพของคนบ้านนอกเข้ากรุงจริงๆ หรือไม่ก็บ้าหอบฟาง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องขนไปมากขนาดนั้น ตอนนั้นนึกภาพไม่ออก ไม่รู้จะสอบถามใครจริงๆ ว่าที่ๆจะไปมันเป็นยังไง เศร้า..กลัว คล้ายๆไปตายเอาดาบหน้า แต่...มันก็ผ่านไปแล้ว จนบัดนี้ยังคงไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆที่กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศจะเศร้าและทุกข์ขนาดนี้กันไหม หรือมีมั้ยที่ไปลอนดอนด้วยความเศร้า !!! อันที่จริงมันไม่ไช่เศร้าอย่างเดียวนะมันเป็นความรู้สึกอื่นปะปนอยู่ซึ่งยากที่จะบอก แต่ก็ได้ให้คำจำกัดความรู้สึกนั้นว่ามัน “โหวงๆ” เศร้าและโหวงๆเพราะไม่เคยจากครอบครัวไปเป็นเดี่ยวไมโครโฟนที่ไหนมาก่อน เศร้าเพราะจากคนที่รักเราและเรารัก โหวงๆเพราะต่อแต่นี้ต้องรับผิดชอบชีวิตคนเดียว เดินคนเดียว กินคนเดียว แล้วแต่จะจินตนาการ ...เฮ้อ!
11 ชั่วโมงบนเครื่องการบินไทย ในที่สุดก็มาถึงสนามบินฮีทโธรว์ (London Heathrow Airport) จนได้ รอคิวตรวจพาสปอร์ตยาวพอสมควร แต่อะไรไม่เท่าความรู้สึกที่ว่าต่อแต่นี้ไม่ได้พูดภาษาไทยแล้ว ความรู้สึกมันต่างจากการไปเที่ยวต่างประเทศ ยืนรอใจเต้นตุ๊บๆ เตรียมเปลี่ยนภาษาในที่สุดคำพูดแรกก็ออกมา hi ! ก็เริ่มด้วยความไม่มั่นใจว่าแล้วจะฟังที่เขาถามได้มากไหม และเราตอบเขาเขาจะรู้เรื่องไหมด้วยสำเนียงที่ไม่ไช่อังกฤษแท้ของเรา แบบว่าคนพูดเสียงออกทองแดงยังงั้นล่ะ แต่คราวนี้มันคงเป็นทองแดงฝรั่ง แต่ก็ต้องสื่อสารล่ะ เป็นไงเป็นกัน ใจสู้ซะอย่าง เขาก็ขอเอกสารการรับรองการเข้าเรียนของมหาวิทยาลัย ถามว่าพักที่ไหน
..ก็ไม่รู้และจำไม่ได้ว่าตรงจุดไหนที่ถามเราแล้วที่เมื่อตอบแล้ว ทำให้เขาต้องบอกให้เราไปนั่งรอสัมภาษณ์ที่ห้องตรวจก่อน รู้แต่ว่าเขาถามเรื่องการฉีดวัคซีนอะไรสักอย่าง ตอนนั้นที่นั่นไข้หวัดอะไรสักอย่างระบาด (น่าจะไม่ไช่หวัดนก) แน่นอนที่เราไม่ได้ถูกฉีดยาอะไรก่อนมาเลยตอบได้โดยไม่ต้องพยายามแปลอะไรนักว่า no ! สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่คล้ายๆพยาบาลมาสอบถามการฉีดวัคซีน ขอฟิลม์เอกซ์เรย์ดู ดีที่ก่อนจะมาต้องไปตรวจสุขภาพที่รพ.ศิริราชก่อน เลยส่งเอกสารทั้งหมดให้ดู และก็โชคดีมากที่รอบคอบเก็บเอกสารกับตัว ถ้าอยู่ในกระเป๋าที่โหลดมาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง สอบถามสุขภาพ ดูฟิลม์ จำได้ว่ามีความมั่นใจตัวเองที่ติดตัวไปคือความเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลทำให้นึกไว้ว่าเออน่า ตอบไปเถอะ เขาไม่ส่งเรากลับหรอก !
แต่ก็สงสัยนะว่าแล้วคนอื่นที่มาๆกันน่ะ ฉีดยากันหมดแล้วรึ ?? มันก็ไม่น่าไช่ เสียเวลาตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดสัมภารก 6 ใบใหญ่ๆ+เป้ส่วนตัวอีก 1 ใบ ผ่านด่านตรวจได้ฉลุย ถ้าถูกค้นตอนนี้นึกไม่ออกว่ามาม่า ขนม ข้าวสาร อาหารแห้งมากมาย (เกินกว่าใครจะจินตนาการได้ หุ หุ) จะถูกกำจัดหรือเปล่า ออกมาจากด่านตรวจก็ต้องมองหา supervisor ที่บอกว่าจะมารับ เป็นนัดบอดเพราะเห็นรูปอาจารย์ทาง internet ในที่สุดก็เห็นชายร่างสูงมากเดินตรงมาที่เราแล้วก็ถามว่า Are you…mie? ดีใจจัง !! yes I’m เย้ !!!