แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ King’s college แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ King’s college แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

My Silent corner (9):Around King’s college -Konditor & Cook




 ร้าน Konditor & Cook

ในช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยยังหยุดเพราะเทศกาลอีสเตอร์ก็ได้เดินไปรอบมหาวิทยาลัยด้านหลัง ด้านข้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หมายความว่าไม่รู้ว่านี่คือร้านประจำของเด็ก King's college หรือนี่คือร้านขนมที่มีชื่อของย่านนี้ ตอนนี้รู้แล้วก็บันทึกแบบผู้รู้ เพราะความที่เราเป็นคนชอบทานขนมมาก โดยเฉพาะ cake cooky tart หน้าต่างๆ แต่ที่ลอนดอนนี่ ต้องทดลองทานทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มไม่ชอบ จนเริ่มชิน และเริ่มชอบบางอย่าง แต่บางอย่างยังไงก็ไม่ชอบ เช่น carrot cake ที่คนส่วนมากชอบ สีสวย กลิ่นไม่ถูกกะจมูกเราเลย กว่าจะเจอที่ไช่เลยก็ใช้เวลา



ร้านแรกที่เจออยู่หลังหอพักของมหาวิทยาลัยด้านข้างถนน cornwal เดิน 3 นาทีก็ถึงแล้วชื่อ Konditor & Cook ดูแตะตาครั้งแรกด้วยสีของร้านม่วงขรึม อยู่มุมถนน มองจากหน้าร้านเข้าไปเป็นร้านตื้นๆ แคบๆ มีคนเดิน -4-3 คนในร้านก็แทบจะชนกันแล้ว เขามีขนมที่ชวนทดลองเยอะมาก ราคาเฮ้อ!

เค็กที่ชอบมีหลายแบบเช่น pecan pie

ตอนแรกที่ไปเรียนนี่ค่าเงิน 1 ปอนด์เท่ากับ 65-67 บาท หลังจากนันก็เป็น 70 บาทในปีสุดท้าย ไปใหม่ๆชอบคิดเลข เห็นอะไรคูณกลับเป็นเงินไทยหมดว่ากี่บาทแล้วก็ตกใจทุกครั้งว่า แพง บางครั้งตกใจมากก็ไม่ซื้อ พอวันหลังหายตกใจก็กลับมาซื้อ หุ หุ แต่พออยู่จนชินปีสอง ปีสาม ไม่ต้องคูณเลย ยอมรับสภาพ และเออ! ทุกอย่างก็ราคาแบบนี้ล่ะ อยากกินอะไร ซื้อหมด โชคดีที่ไม่อยากกินของแพงเป็นร้อยปอนด์เช่นไข่ปลาคาร์เวียร์ :) เพื่อเป็นการรับรองชื่อเสียงและคุณภาพของร้านนี้ ก็เลยขอเอาที่เขารับรองมาลงเต็มๆ

Konditor & Cook specialise in the creation of amazingly tasty cakes which are also sold on to some of the finest restaurants in the city. This, the first shop, bakery and heart of the operation opened in 1993. Now there are six outlets in London where you can sample their delicious confections at their freshest. Choose from Curly Whirly chocolate sponge, iced lemon Magic Cakes (Madonna's favourites) or try the savoury room for lunchtime tartlets, salads and sandwiches. The location not far from the Old Vic and the South Bank Centre attracts a creative crowd into the plum coloured corner shop.

นี่เป็นขนมเค็กชิ้นเล็กๆ ราคาไม่เล็กประมาณ 2ปอนด์ เพราะตกแต่ง ไว้สำหรับให้ในโอกาสต่างๆ เช่นวันเกิด วันพิเศษ เราก็เคยซื้อให้เพื่อน Arun (อินเดีย) วันที่เขาออกจากห้องเชือด (ห้องสอบเพื่อเข้าสู่การเป็น Ph.D. candidate) วันเกิด Tas ฯ ที่นี่ดีเขาไม่ต้องอะไรที่ใหญ่โต คุณค่าทางใจไม่ได้วัดที่ขนาดของสิ่งของ หรือราคา แต่อยู่ที่ใจ ว่าเรา รับรู้ระลึกถึงกันในโอกาสต่างๆหรือเปล่า บางครั้งแค่คำพูดก็สื่อได้แล้ว ไม่เหมือนของไทยที่ถ้าเป็นของทำเอง ของชิ้นเล็ก ของไม่มี brand ของราคาถูก ไม่เป็นที่สื่ออะไร แถมไม่พอใจเพิ่มอีกได้


 ขนมเทศกาลต่างๆ Halloween - Chrismas ราคา หุ หุ
 ประมาณสามสิบปอนด์นิดๆ (ข้างล่าง)

Bespoke Celebration Cakes

ราคา  60 ปอนด์ up หุ หุ

จบแค่นี่ก็แล้วกันวันหลังค่อยมาเขียนต่อ

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

My Silent corner (5): My accommodation in London 2 / Waterloo Station


(ต่อ) ช่วงที่มาถึง London เป็นเทศกาล Easter ของเขา (เมษายน)  ดังนั้นในหอพักปีกที่อยู่เลยเงียบๆอยู่ยังไม่เห็นใคร และช่วงนี้รู้สึกว่าน่าเป็นช่วงวันหยุดของนศ.ป.ตรี หอเลยเงียบ ตอนจองหอพักระบุเป็นหญิงล้วน และ no smoking  เมื่อจัดของและบรรจุของที่เอามาจนแน่นห้อง เหลือกระเป๋าที่บรรจุของแห้งไว้เพราะใส่ในห้องไม่หมด หุ หุ  จากนั้นเลยว่าง ก็ออกสำรวจรอบๆหอพัก หาแหล่งอาหาร เดินไปดูสถานีรถไฟ Waterloo (ที่ใหญ่มาก) The Waterloo Station, a large rail terminal. ชั้นล่างเป็น Eurostar สำหรับเดินทางไปฝรั่งเศส




Waterloo station  ในเส้นทางที่เราใช้เดินทางตลอด 3 ปี ตรงตำแหน่งนาฬิกานั้นคือ Burger King ที่เราแวะตอนเช้าหลายครั้งเพื่อซื้อ onion ring หุ หุ 35p แล้วก็มุดลงกระไดสถานีตรงกลางภาพ เดินลอดอุโมงค์ไปผ่านใต้ imax โผล่ขึ้นตรงข้างสะพาน waterloo ขึ้นบนฟุตบาท เดินอีกนิดก็เข้ามหาวิทยาลัย

รูปตั้งเป็นทางขึ้นจากอีกด้าน สถานีนี้มีทางขึ้นลงหลายช่องมาก เคยหลงหลายครั้งโผล่ออกไปเป็นงง รีบย้อนกลับ หาช่องลงใหม่ กว่าจะคุ้นเคย มึนไปหลายตลบ  เมื่อหอพักอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย และอยู่ไกล้สถานีรถไฟ การไปไหนเลยสะดวก แต่การเดินทางโดยรถเมล์ต้องเดินไกลหน่อย กว่าจะถึงป้าย ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเป็นป้ายเส้นทางที่เราไม่ใช้
 ตอนนี้แสดงเส้นทางและสถานที่รอบๆหอพัก ก็คือรอบมหาวิทยาลัยนั่นเอง


ล่าง: ที่เห็นแวปๆ กลมๆคือ โรงภาพยนต์สามมิติ IMAX ที่เขียนว่า BFI IMAX ตั้งอยู่หัวถนนฝั่งมหาวิทยาลัย (ที่หมุดแดงปักอยู่) ถัดลงมาก็เป็นสถานีรถไฟ



นี่ก็เห็นเส้นทางจากมหาวิทยาลัยไปสถานี เช่นนี้ทุกวัน



วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

My Silent corner (4): My accommodation in London

My accommodation; Stamford Street Apartments



(ต่อ)...ในที่สุด supervisor ก็ชี้บอกว่านี่เป็นหอพักของเรา Stamford Street Apartments (ซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัยที่ต้องจองที่พักล่วงหน้ามาก่อน และเขาจัดให้ที่นี่ เพราะอยู่ไกล้มหาวิทยาลัย) เราก็ถามเลยว่า แล้วมหาวิทยาลัยอยู่ที่ไหน อาจารย์ตอบว่าก็ตรงข้ามตึกที่เห็นนี่ไง surprise !!!! เพราะจินตนาการก่อนมาว่าจะมีสนามหญ้าเขียวขจี ตึกโบราณ แบบมหาวิทยาลัยในไทยที่มีพื้นที่มากมาย  ก็เลยต้องแปลกใจมากๆที่มองเห็นตึกทันสมัยใหญ่ อยู่ริมถนนใหญ่ นี่นะหรือชีวิตที่จะดำเนินต่อไปจากนี้จะอยู่ที่นี่ แต่แปลกใจได้ไม่นานเสียงอาจารย์บอกว่าให้จัดการเรื่องที่พักก่อน ก็เลยเดินเข้าไปพร้อมกระเป๋า อีก 6 ใบยักษ์ สองใบเล็ก (โชคดีที่ได้น้ำหนักเพิ่ม 40 Kg  ไม่งั้นจ่ายค่าน้ำหนักเพิ่มอาน เราชั่งน้ำหนักมาอย่างดี บรรจุของ (กิน) เต็มอัตรา ทุกอย่างที่ชอบ กลัวอด)  คราวนี้ก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่หอพัก จัดการเรื่องต่างๆมอบ key card แล้วก็บอกทางให้ ที่นี่ทุกอย่างต้องดูแลตัวเอง

ด้านในของหอพักเป็นลานกว้างมาก

ตึกหอพักใหญ่มาก เข้าด้านในก็แปลกใจอีกเพราะเป็นลานตรงกลางกว้างมากชนิดต้องตะโกนดังมากๆจึงอาจได้ยินเสียง แบ่งเป็น4 ช่อง(ด้าน) ต้องใช้ card อีกจึงเข้าได้ หากเราไม่ได้อยู่ Zone ไหนเราก็เข้าไม่ได้ ขนของขึ้นลิฟท์ (ที่เล็ก) ชนิด 4 คนก็แคบแล้ว ขึ้นไปเจอช่องอีก ปีกใครปีกมัน หากเลี้ยวผิดช่องก็เข้าไม่ได้ (ทุกด่านใช้ card)  ช่องละ 10 ห้องพัก ซ้าย ขวา อีกห้องพท.เท่ากับสองห้องเป็นห้องครัวกลางของแต่ละปีก มีประตูปิดเรียบร้อย ประตูหนักมาก ช่องทางเดินเล็กแปลกใจว่าฝรั่งตัวโตๆทำไมช่องเดินเล็กอึดอัดจัง  เปิดประตูเข้าด้านใน feel shock! เพราะห้องแคบจัง เป็นซองยาวๆ ในชีวิตไม่เคยอยู่ในที่แคบแบบนี้มาก่อน อยากจะร้องไห้ นึกดูก็แล้วกันว่ากระเป๋า 8 ใบย่อมเอาเข้าไปไม่ได้ หากเข้าไป ตัวคนก็ไม่รู้จะอยู่ไหน ? นี่เป็นความรู้สึกครั้งแรก เพราะหลังจากนั้นก็ปรับตัวได้ แม้ปรับใจไม่ค่อยได้ 


 ในที่สุดใช้วิธีเอากระเป๋าเข้าไปก่อนเพราะจะกองตรงทางเดินที่แคบมากก็ไม่ได้ ลงมาส่ง supervisor ข้างล่างก่อน ก่อนไป sup ก็บอกว่าพักผ่อนไปก่อน แล้วอีก 4 วันเจอกันที่มหาวิทยาลัยเพราะช่วงนี้หยุดเทศกาลอีสเตอร์ (มิน่าล่ะ ทำไมถนนจึงเงียบว่างนัก) ว่าแล้วก็ขับรถสปอร์ตสีเหลืองจัดออกไป ทิ้งเราและสามี (ไปส่งเพราะกลัวเราหนีกลับ หุ หุ ) จัดการชีวิตกันต่อไป

รูปบนเป็นภายในห้องพัก ประตูขนาด 60 cm เข้าไปก็จะเจอห้องน้ำติดประตูด้านหนึ่งและด้านตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ถัดมาเป็นโต๊ะติดผนัง  ตู้เย็นใบเล็ก และก็เตียงที่ติดกับผนังห้องน้ำ อ้อ!หลังโต๊ะที่ผนังห้องน้ำติด heater  อยู่เมืองไทยใช้แอร์ ที่นั่นใช้ heater แปลกดี หุ หุ



แผนที่: สีเขียวเข้มเป็นมหาวิทยาลัย สีแดงคือหอพัก Stamford Street Apartments  สีเหลืองคือมหาวิทยาลัย 


รูป: ตึกซีกซ้ายที่ติดกับ cornwall street เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเจาะรูตรงกลาง คือ topview ของหอพัก ตึกสีน้ำตาลอ่อนตรงกันข้ามคือส่วนหนึ่งของ King's college และนี่คือที่ๆเราเรียน Waterloo campus


วันนี้ว่าเรื่องหอพัก ดูรูปและที่ตั้ง location ดีมาก กลาง London ไกล้ Waterloo station ไปไหนมาไหนได้ทั่วอังกฤษ คราวหน้าจะเที่ยวรอบๆ King’s college