แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัดท่ามะโอ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัดท่ามะโอ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

1-2 May: เรื่องที่ได้เรียนรู้



เมื่อวาน (1 พค.) ไปวัดตอนเช้า ไปกราบเรียนพระอาจารย์เรื่องผลการไปเรียนปฎิบัติธรรมว่าเป็นอย่างไร เล่าให้ท่านฟังว่าแต่ละวันได้ทำอะไร เรียนรู้อะไร และอะไรที่เรายังทำไม่ได้บ้าง จริงๆแล้วทุกอย่างที่ท่านพระอาจารย์สมลักษณ์สอนไม่มีอะไรยากที่ใครจะปฎิบัติไม่ได้ เพียงแต่เราจะต้องมีสติเพียงพอที่จะเตือนตัวเอง เช่น เรื่องการคุมอิริยาบทย่อย เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่เคยเคลื่อนที่และเคลื่อนไหวเร็วอย่างเรา ที่จะต้องเบรกตัวเอง ดังนั้นเราจึงทำไม่ทัน เหยียด คู้ จึงเป็นอะไรที่พลาดประจำ การเคี้ยว กลืน พอทำได้ การย่างก้าวที่ช้าๆ พอทำได้บ้าง แต่ยังไม่ช้ามากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะบางคนเช่น ป้า? จากภูเก็ต สามารถเดินปฎิบัติได้ดีทีเดียว แกอยู่มาได้ 20 กว่าวันแล้ว เราไม่ได้มองหน้าป้าตรงๆนัก เพราะไม่ให้สบตากัน เลยไม่จำเป็นต้องมองหน้า และตรงกับนิสัยเราที่ไม่ต้องวุ่นวายกะใครเป็นดีมาก เลยไม่แน่ใจนักว่าป้าอายุเท่าไหร่แต่เท่าที่มองผิวเผิน (เพราะนั่งทานข้าวข้างแกทุกวัน) น่าจะไกล้ 60 แล้ว นอกนั้นในรุ่นเดียวกันไม่มีใครทำอิริยาบทย่อยได้ และรุ่นหลังที่มายังอายุไม่มากนักไกล้ 40 + อันนี้ไม่คุมเลย เดินหมุนตัวพรวดๆแบบปกติอยู่ อันนี้ก็เลยแล้วแต่ว่าแต่ละคนตั้งเป้า ตั้งใจว่าอย่างไร ขนาดไหน ซึ่งหากทำได้อย่างที่ถูกสอนก็จะดียิ่ง

สำหรับเราก็กราบเรียนพระอาจารย์ (เจ้าคณะภาค) ว่าเราได้ความรู้ปฎิบัติภาคเริ่มต้น การเดินจงกรมที่ประยุกต์หลักทางกายวิภาคศาสตร์เข้ามาด้วยทำให้ถนอมสุขภาพ เดินได้นาน ไม่ปวดเมื่อย ไม่เกร็งกล้ามเนื้อ ที่อาจนำมาซึ่งการบาดเจ็บได้ และเดินให้ท่านดูตามที่เรียนมา พระอาจารย์ก็พอใจ ส่วน link ก็ชอบใจและบางเรื่องเขาก็เคยทำมาเองตอนปฎิบัติที่วัดภัททันตะแต่ไม่รู้เหตุผล บางอย่างทำเองด้วยเหตุผลของตัวเองก็มาตรงกับที่ท่านสอน เช่น วิธีการกำหนดเมื่อคิด ฟุ้ง เป็นต้น...(ค่อยเขียนต่อ)

บ่ายสมศักดิ์ให้รถใหญ่มาเอาเสาเข็ม 23 ต้นและวัสดุก่อสร้างต่างๆไปถวายวัด ให้ค่าใช้จ่ายไป 2000 บาท

วันนี้เช้า link เอา รายงานนศ.เอกสารกองใหญ่ไปไว้ที่มหาวิทยาลัย  แล้วเลยไปบิ๊กซี ซื้อของใช้จำเป็น แล้วกลับบ้าน อากาศร้อนอบอ้าว นึกว่าฝนจะตกเหมือนเมื่อวานแต่ปรากฎว่าแห้ว

วันนี้เต้วิ่งออกไปกัดกะหมาดำ เรียกกลับก็ไม่กลับ link ไปตาม ได้แผลมา 5 จุดหลัก และย่อยๆอีกเลยทำแผลให้ เฮ้อ! เย็นนี้แผลบวมเลยล้างแผลเปลี่ยนยาใหม่ให้ ที่บ้านนี่ยาของหมาเพียบ ซื้อมาทุกขนาน

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

22-30 April: ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่ามะโอ (1)


ภาพในห้องปฎิบัติธรรม
 ที่มาภาพ http://www.wattamaoh.com

เอาบุญมาฝากทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
 ขอให้ได้รับผลบุญเช่นเดียวกับที่ meepole ได้จากการไปปฎิบัติมา

อย่าลืมกล่าวอนุโมทนา นะคะ :)

(อนุโมทนาอย่างไรให้เกิดบุญ  http://meecorner.blogspot.com/2011/12/1.html)


ไม่อยู่ 10 วัน ไปปฎิบัติวิปัสนากรรมฐาน ที่วัดท่ามะโอ เขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ และช่วยเอาไปเก็บรักษาให้ด้วย กลัวแต่ละคนจะรักษาระเบียบไม่ได้ เสียงคุยจะไปรบกวนผู้อื่น และฟุ้งได้ ไม่ให้ (ไม่ควร)เขียน ไม่ให้ (ไม่ควร)อ่านหนังสือ ให้ปิดวาจา ไม่สบตากัน เพื่อให้จิตของเราไม่ฟุ้งซ่าน เป็นอะไรที่จะให้เราสามารถอยู่กับตัวเอง อยู่ให้ใจว่างๆ จากงาน ความกังวล เรื่องรบกวนทั้งหลาย อันจะส่งเสริมให้เข้าถึงสมาธิได้เร็วขึ้น เราเลยไม่ได้รู้ข่าวสาร เรื่องโลกภายนอกตลอดที่อยู่ที่นั่น ซึ่งแบบนี้ไม่ได้ทำให้เราอึดอัดแต่ประการใดเพราะปกติชอบที่จะอยู่สงบๆในบ้านที่ร่มเย็นอยู่แล้ว

เช้าวันที่ 22 เม.ย. ประมาณ 8 โมงเช้าถึงสนามบินลำปาง ลงเครื่องก็เดินลากกระเป๋าขนาดเล็กดุ่มๆๆ ออกมาเพราะทางวัดแจ้งว่าจะให้คุณเต้ ไปรับ และจะถือป้ายชื่อวัดให้ทราบ ออกมาก็เห็นคุณเต้ยืนรอรับ ด้วยความอุ่นใจ เพราะที่บ้านเป็นห่วงมากในตอนแรก ว่าไม่เคยไปลำปางแล้วงานนี้เดินทางคนเดียว ไปลำปางครั้งแรก

พระอุโบสถ อายุมากตั้งแต่โบราณนานมา


พระวิหาร

พระเจดีย์

ไปถึงวัดท่ามะโอ ใช้เวลา 15-20 นาที คุณเต้พาเข้าประตูวัดตรงไปตึกที่จะปฎิบัติ เอากระเป๋าวางหน้าตึก เข้าไปที่อาคารศูนย์ปฎิบัติธรรม ดู เทปแนะนำการปฎิบัติเบื้องต้นก่อน ซึ่งมีคนที่มาเช้ากว่าเรามาดูอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็เข้าห้องพักที่จัดให้พักแบบเดี่ยว (ชอบมาก) เปลี่ยนชุดแปลงร่างเป็นชุดสีขาว แล้วออกไปที่ศูนย์ลงทะเบียนต่อ เจออีก 2 คน เพิ่งมารุ่นพร้อมกันเลยมี 4 คน อุ๊ สายเพชร พงษ์ศักดิ์ เรา (เราอาวุโสสุดในกลุ่ม แต่ค่าเฉลี่ย ไม่ต่างกันมาก ) ต่างคนต่างมาจากต่างที่โดยไม่เคยรู้จักกัน และเราโทรจองก่อนล่วงหน้าเกือบเดือน เพราะทราบว่าบางช่วงมีคนมามากก็รับได้จำกัด (อันนี้ดี  จำนวน ปริมาณบอกอะไรไม่ได้นอกจาก น่าจะวุ่นวายเพราะหากคนเป็นร้อยย่อมเลี่ยงความวุ่นวายได้ยาก)

คนที่มานี่ ส่วนมากค่อนข้างมีประสบการณ์จากที่ต่างๆมาแล้ว แต่เราไม่เคยเข้าเรียนที่สำนักไหน ยังไม่มีครูอาจารย์สอนเป็นทางการ นอกจากอ่านหนังสือแล้วปฎิบัติด้วยตัวเองจากการนั่งทำจิตให้สงบเท่านั้น  ครั้งนี้เลยทำตัวเป็นแก้วว่าง  clear งานเอาไปกองไว้ก่อน (พักงานตำรา 2 เล่ม)  clear ตัวเอง เตรียมใจนานมากให้มาให้ได้ จึงมาด้วยความศรัทธาที่จะเรียนรู้ ...มีอาจารย์ วรรณา (เกษียณแล้ว) มาเป็นผู้นัดแนะ และบอกระเบียบ พร้อมถามว่าใครเอาโทรศัพท์มาให้เอามาเก็บก่อน เลยต้องกลับไปเอาที่ห้อง มามอบให้ รีบโทรมาบอกที่บ้านก่อนว่าจะขาดการติดต่อไปจากนี้ 9 วัน สิ้นอิสรภาพทางโลกทันที ป็อก!!

ดูเทปต่อจนจบ ไกล้ 11.00  เวลาอาหารเพล ก็เข้าตึกไปทานอาหาร และก็ไม่ได้ออกจากตึกนั้นอีกเลย จนเช้าวันสุดท้ายที่จะกลับบ้าน (30) จึงได้ออกไปเดินดูรอบวัด ตั้งใจไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ ได้เจอพระที่เดินออกมาเปิดประตูพระอุโบสถ ท่านเอาไฟฉายส่องมา คงสงสัยว่าสีกามาจากไหนเช้ามืดเดินดุ่มๆในวัดกระมัง เรารีบไหว้ท่านแล้วรีบบอกวัตถุประสงค์การมาและท่านก็เล่าเรื่องย่อๆของวัดให้ทราบ เป็นวัดที่มีอายุนานมากแล้ว

รายละเอียดอื่นๆจะนำมาค่อยๆย่อยและเขียนต่ออีก วันนี้และวันต่อๆไปต้องเร่ง clear งานหลายอย่างที่พอกพูนมากก่อน  แต่สรุปตรงนี้ว่าไปแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ แม้ว่าสิ่งที่คาดหวังว่าจะได้กลับมาประกอบปัญญาจะไม่เต็มที่ก็ตาม แต่ได้เรียนรู้อะไรๆในภาคปฎิบัติที่พอใจ และคงจะนำมาปฎิบัติต่อ ไม่ให้เสียเปล่า ที่ครูอาจารย์ได้สอนเรามา

 เรื่องนี้ ยังมีเขียนต่อ แน่นอน

ภาพวิหารและพระอุโบสถจาก http://oplart.blogspot.com/2007/01/0030.html ที่ meepole ถ่ายยังไม่เอาออกจาก mobile phone เลย และไม่แน่ใจความชัด เพราะออกไปถ่ายตั้งแต่ฟ้ายังมืดๆอยู่เลย แต่จะเอามาเพิ่มอีก