แต่ละวันช่างผ่านไปเร็วมาก ไม่ว่าจะใช้อะไรเป็นตัวจับ เช่น ตื่นเช้าอีกวันหนึ่งแล้ว ถึงเวลาเตรียมอาหารให้หมาๆทั้งหลายก็แสดงว่ามื้อเย็นกำลังผ่านไป หรือไม่ก็ถึงเวลาสวดมนต์อีกครั้ง เตรียมเข้านอน หมดไปหนึ่งวัน ...ในที่สุดก็ผ่านไป 1 ปี เร็วมากสำหรับคนไกล้แก่ แต่อาจช้าสำหรับวัยรุ่น ...นี่คือวันเวลาที่ไม่เคยรอใคร ผ่านแล้วผ่านเลย ผ่านไปวันหนึ่งก็เหลือน้อยไปวันหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่ต้องทำให้คนเราควรทบทวนแต่ละวันที่ผ่านไป และกำลังจะมาในแต่ละวันว่าได้ทำอะไรไปแล้ว เกิดประโยชน์ ดีหรือไม่ อะไรที่จะทำ ทำให้ดี ให้เป็นประโยชน์ ..เราเองยังมีอะไรของตัวเอง(แต่ไม่ไช่ของส่วนตัว)ที่ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยด้วยนิสัยบางอย่างที่เฉื่อยในบางเรื่อง กระตือรือล้นก็เรื่องงานด้านวิชาการที่ชอบขีดๆเขียนๆ แต่เรื่องที่ต้องจัดการอะไรๆก็รอผลัดวันประกันพรุ่งเป็นอะไรที่ต้องกระตุ้นตัวเองให้ จัดสมดุลชีวิตใหม่อย่าเอาแต่นั่งหน้าจอคอมฯ จนชีวิตบางอย่างหายไป
จะทำเขื่อนหลังบ้านก็ผลัดมาปีเศษแล้ว ไม่อยากทำก็ต้องทำเพราะน้ำตอนนี้เต็มตลิ่งมาก งูก็เริ่มมีแม้ว่านานๆทีก็ไม่อยากทำบาป จะเก็บกวาดบ้านซ่อมแซมหลังที่ไม่ได้อยู่แล้วเผื่อให้ใครเช่าก็ไม่ได้ทำมา 4 ปี ปล่อยแบบนั้นจนไม่รู้เป็นไงแล้วไม่ไปดูเลย เคนคิดจะให้ใครก็ได้ที่ไม่มีทุนทรัพย์มากนักมาตั้งตัวทำกิจการ คิดค่าเช่าพอเป็นพิธีเดือนละ 1000-2000 บาท ตึกอยู่กลางเมือง ตั้งตัวได้มีมากก็ค่อยให้มากก็ได้ แต่ยังหาคนตั้งใจจริงไม่เจอ อาจเพราะเป็นแค่คิดในใจไปเรื่อยๆอีก ก็คงผ่านไปอีกปีแน่ในที่สุด เบื่อมากกับการมีภาระทรัพย์สินที่ต้องจัดการ รอว่าวันหนึ่งคงมีโอกาสที่จะจัดการจนหมดจะได้ถึงเวลาที่ลพ.ในป่าบอกไว้ ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอก่อน ...การไม่มีหนี้อะไรเลยเป็นสิ่งที่ดีมากแล้วสำหรับชีวิตเรา แต่จะดีมากขึ้นหากเราเป็นอิสระจากทรัพย์สินทั้งปวงแล้วใช้ชีวิตที่อยู่เรื่อยๆ มีบ้านเพียงหลังเดียวที่อยู่นี่ก็พอ เขียนหนังสือ มีกัลยาณมิตรในเรือน เวลาที่เหลือต้องจัดการส่วนเกินที่ไม่ได้เป็นผู้หามา แปลงทั้งหมดให้เป็นผลบุญ กุศล อุทิศให้ท่านๆ ก็หมดหน้าที่แล้ว ก็จะได้ไม่ต้องมีอะไรวุ่นวายกับสังคมข้างนอกอีก เห็นแล้วน่าหลบหลีกจริงๆกับสังคมยุคนี้