ภาพ รถบรรทุกกรดกำมะถันพลิกคว่ำ (www.kapook.com)
เช้าไปวัด ไปส่งlink วันนี้เตรียมตำรา สลับกับเตรียมสอน
เมื่อคืนได้ข่าวรถบรรทุกกรดกำมะถันคว่ำ วันนี้รถลำเลียงกรดไนตริกอีก เมืองไทยนี่แปลกดี เรื่องแบบนี้เกิดนับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยได้บทเรียน เพราะธุระไม่ไช่กันทั้งนั้น ถ้าเป็นตปท.เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แบบมองได้รอบ 360 องศา คนขับอายุเพียง 25 ปี มีการอบรม มีความเข้าใจ มีสำนึกรับผิดชอบมากแค่ไหน ต้องมากกว่าปกติ สำหรับการบรรทุกสารอันตรายแบบนี้ บริษัทต้องรับผิดชอบต่อสังคม ...หน่วยงานรัฐที่ดูแลเกี่ยวข้องกับสารมลพิษเช่น กรมควบคุมมลพิษ ต้องออกมาดูแล ให้ความรู้แก่ชาวบ้านในการป้องกันอันตรายทันที และชี้แจงอันตรายของสารอย่างจริงจัง ไม่ไช่เวลาที่ต้องใช้หลักจิตวิทยาบอกว่าไม่อันตราย ไม่เป็นไร กลัวเขาตื่นกลัว เพราะชีวิตเขาไม่ไช่เรื่องล้อเล่น หากเป็นอันตรายเพราะชาวบ้านเชื่อในจนท.รัฐคิดว่าปลอดภัยจริงๆ ไม่ป้องกันอะไรเลยแล้วเกิดอันตราย เหมือนกรณีที่มาบตาพุด คนพูดพูดจบก็ไป คนอยู่ที่นั่นคือชาวบ้านตาดำๆ ที่สุขภาพที่แข็งแรงไม่ป่วยมีความจำเป็นสำหรับพวกเขาเพราะเขาเป็นแรงงานที่หาเช้ากินค่ำ หากจะเมตตาก็ให้บอกความจริง ไม่ต้องกลบข่าวเกลี่ยเรื่องเพื่อช่วยโรงงาน หรือ....
ที่น่าเศร้ากว่านี้คือมีความรู้สึกทุกครั้งว่าเมื่อเกิดเรื่องเกี่ยวกับสารอันตราย สารพิษ สารปนเปื้อนไม่ว่าในสิ่งแวดล้อม อาหารหรือของใช้ในชีวิตประจำวันอะไรก็ตาม จะรู้สึกว่ามีช่องว่างของความรู้เหล่านี้มากในคนไทย นักข่าวอ่านชื่อสารหรือสื่อสารข่าวแบบแปลกๆตะกุกตะกักในหลายครั้ง ก็เข้าใจนะแต่ก็ขัดใจบ้าง รู้สึกว่าคนไทยห่างไกลวิทยาศาสตร์มากจริงๆ ทั้งๆชีวิตเราตั้งแต่ตื่นจนนอนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น แต่กลับไม่ค่อยเข้าใจพื้นฐานหลายๆเรื่องที่เป็นวิทย์ในชีวิตประจำวัน จริงๆก็มีเรียนตั้งแต่ประถมจนมหาวิทยาลัยแฝงในวิชาต่างๆ.......เรื่องนี้มีความจริงน่าเศร้าบางอย่างไว้เขียนต่อ