วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วันสิ้นปีเก่า 2554..ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา

ในแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก แต่ละปีก็เลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนไกล้แก่อย่างเราก็เลยยิ่งไกล้แก่มากขึ้นไปอีก หุ หุ ย้อนคิดไปหลายๆเรื่อง ก็ต้องตกใจ เรื่องนั้นผ่านมา12 ปีแล้ว เรื่องนั้นผ่านมา 7 ปีแล้ว เรื่องนี้วา! ผ่านมา 5 ปีแล้วหรือนี่ ยิ่งคิดย้อนไปไกลเท่าไหร่นั่นก็ยิ่งแก่ขึ้นๆๆ หยุดคิดซะเถอะ meepole เอ๋ย...

ทบทวนบุญ ความดี
ปีที่ผ่านมาเราได้สร้างบุญกุศลหลายประการ เท่าที่นึกได้เช่น ถวายปัจจัยจากค่าลิขสิทธิ์ที่ได้จากการเขียนหนังสือ pocket book ทั้งหมดให้รพ.สงฆ์ กทม.  ออกไปช่วยคนเดือดร้อนจากน้ำท่วมทั้งแรงกาย และบริจาคของและเงิน ไปภาคเหนือนำของไปมอบให้พระธรรมจาริกและของให้ชาวเขา ถวายกุฎิสงฆ์ 3 หลัง (หลังที่ 4 สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำพิธีถวาย)  ถวายปัจจัยสำหรับสร้างวิหารพระพุทธรูป (แต่ยังไม่ดำเนินการสร้างเพราะเจ้าอาวาสวัดกลางท่านรอปัจจัยสมทบอีก รายการนี้เราถวายแล้ว1 ล้านบาท คิดว่าคงรอไปเรื่อยๆ บุญทำตั้งใจไปแล้ว) ถวายภัตตาหาร ถวายปานะเลี้ยงพระสงฆ์หลายครั้ง ช่วยเหลืองานอบรมพระนักเทศน์ทั่วภาคใต้ ร่วมสร้างโอสถศาลา นครนายก  ร่วมสร้างเมรุให้วัดที่นครปฐม ร่วมทำบุญทอดกฐินหลายแห่ง  บริจาคเงินให้ค่าทำราวตากผ้าทั้งหมดให้ทัณฑสถานหญิง ที่พิษณุโลก ผ่านครูคิม  บริจาคค่าอุปกรณ์กีฬาทั้งหมดตามที่บอกมาให้โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผ่านวศิน (ลูกศิษย์อ.ขจิต) เขียนรวบรวมเรียบเรียงพิมพ์หนังสือถวายพระอาจารย์ 3 เล่ม (ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆด้วย) เล่มล่าสุดสำหรับให้พระอาจารย์ไว้แจกตลอดปี 2555 คือ เข้าใจในบุญ ไถ่ชีวิตวัวแม่ลูก จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยหลายคนที่ขัดสน หลายครั้ง  บริจาคค่ารักษาสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ  อนุโมทนาบุญจากทุนการศึกษาจากเงินดอกเบี้ยที่ได้จากกองทุนที่ครอบครัวมอบให้แก่โรงเรียนต่างๆหลายสิบทุน  ช่วยชีวิตสัตว์มากมายเท่าที่ทำได้และพบเจอ เขียนบล็อกเผยแพร่ความรู้ให้คนร่วมชาติไม่ว่าอยู่ที่ใดในโลกได้มีความรู้ มีความสุข ปลอดภัยและมีชีวิตที่ดี  เล่าเรื่องดีๆ/สอน/ตักเตือน/ให้กำลังใจลูกศิษย์ เพื่อนอาจารย์ เพื่อนๆ เสมอเท่าที่โอกาสอำนวย คิดดี ตั้งใจทำสิ่งดีๆให้สังคมตอบแทนคุณแผ่นดิน


ทบทวนบาป
  • ตีงู (จำเป็นเพราะทุกตัวที่ตีนั้นถูกเจ้าตัวซนของที่บ้านกัดมันจนท้องจะขาดแล้ว)
  • ปากยังไม่ดี ใช้วาจาเป็นอาวุธ กับพวกที่ไม่อยากจะเสวนา ตามมงคลสูตรข้อที่1 แต่ชอบมาวุ่นวายกับเรา มากๆเข้าก็เลยงับบ้าง คิ คิ และกับพวกที่คดโกงเงินแผ่นดิน พอมีคนมาบอกให้รับรู้ก็โยนกรรมให้หมดเลย
  • มี white lie บ้างเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงในบางเรื่อง ก็เลยไม่บอก พอถูกซักถามก็...แฮ่ๆ บุ๋งๆๆ
  • เบียดเบียนสัตว์บางชนิดทั้งที่ตั้งใจไม่ตั้งใจเช่น กำจัดหอยที่ไม่ได้รับเชิญในบ้านไปส่งแถวชานเมืองที่ผ่าน กำจัดแมลงสาบบ้างตอนที่น้องตุ๊กแกไม่อยู่บ้าน แกล้งจิ้งจกให้ตกใจเล่นบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่ร่วมบ้านกันได้
นี่เท่าที่นึกได้ วันไหนนึกได้เพิ่มจะเอามาลงไว้อีก

ที่ต้องแก้ไข
ไม่แน่ใจว่าควรแก้หรือไม่สับสนตัวเองเหมือนกัน กับการที่ไม่ชอบงานสังคมมาก ปีที่ผ่านมามีการแต่งงานมากให้ของขวัญทุกงาน แต่ไม่ไป  ไปร่วมงานศพสำหรับผู้ที่มีพระคุณ รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง จะไปให้มากขึ้น (ถ้ามี หุ หุ)/ ไม่ไปราชการใดๆเลยตลอดหลายปี ยกเว้นงานประชุมสภามหาวิทยาลัยระดับประเทศครั้งเดียวที่ไป อันอื่นหากต้องการไปก็ไม่เบิกไปเอง

เรื่องที่เกิด/เรื่องเรียนรู้
  • หกล้มกระดูกตรงนิ้วก้อยร้าว ใส่เผือกอ่อนได้2วันถอด ใช้ไม้ค้ำแทนก็เดินไม่เป็น เจ็บรักแร้แทน เดินเป็นตัวตลกครึ่งเดือนถือว่าหายเร็วมาก
  • หมดอายุกรรมการสภามหาวิทยาลัย 3 ปี สาธุ เหมือนตกนรกทั้งเป็นจริงๆในช่วงที่ทำหน้าที่มาโดยตลอด (แน่นอนทนลูกขอให้สมัครเถอะๆ ไม่ต้องหาเสียง มีคนเลือกเอง เลยเป็นตัวแทนของคณาจารย์ผู้ต้องการเห็นความโปร่งใสในมหาวิทยาลัย) เพราะไม่เคยรู้เลยว่าในสถาบันระดับนี้จะมีเรื่องแย่ๆ คนแย่ๆในทุกระดับอาชีพที่ไม่ทำหน้าที่ด้วยสำนึก ไม่ละอาย สร้างภาพ ลวงทั้งคนในนอก มากมายจริงๆ ฝันร้ายจริงๆ แต่ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ให้เรามาทำหน้าที่ ก็ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่ผิดมโนธรรม คุณธรรม ครั้งใดที่รู้ว่ามีเรื่องเฉียดนรกก็ไม่เข้าประชุม


ปีหน้าจะทำบุญให้มากอีกเท่าที่มีโอกาส ทำบาปให้น้อยลง สงสัยอย่างเดียวปากเป็นอาวุธนี่จะลดไหม เพราะต้องใช้สติ สะกด มากเลยที่จะไม่บอกบาปให้พวกที่ชอบทุจริตทุกรูปแบบ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่มีมากเกินกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์  บางทีเผลอๆเวลาเห็นหน้าบางคนยังนึกว่าเป็นโจรเลย หรือกล่าวบอกบางคนอีกว่าช่วยไปไกลๆได้ไหมลงจากตำแหน่งบริหารก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน แฮ่! แรงส์ไปเรา ขนาดเอาธรรมะสอนตัวทุกวัน บางทีธรรมะวิ่งตามมาไม่ทันเลยเวลาเจอโจร หุ หุ

ขอให้เพื่อนร่วมโลกทุกคน (คน สัตว์) ที่ได้ละโลกนี้ไปไม่ว่าด้วยผลกรรมใด หากสามารถอนุโมทนาได้ก็ขอให้ได้รับส่วนของบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วทุกถ้วนทั่วด้วยเทอญ

31Dec: เตือนอันตราย..อบบ้านฆ่ารา



วันนี้ตื่นเช้าปกติ ตักบาตร อุทิศเฉพาะให้ผอ.โกวิท นวลขาวที่มาเข้าฝันก่อนครบ100 วัน อุทิศให้ม่าม้า แล้วไปวัด กลับมาเลยค้นเขียนบล็อกที่มีคนตั้งคำถามไว้ เพราะเป็นห่วงว่าวันหยุดอาจมีคนคิดอบบ้านทำแบบที่มีบางคนแนะไม่ถูกเพราะอาจเข้าใจผิด แล้วส่งต่อๆจนเกิดคำถาม

มีคนถามคำถามนี้ว่า " มีการเขียนแนะนำในบางที่ในโลกออนไลน์เรื่อง การอบบ้านหลังน้ำท่วม (Home Fumigation) เชื่อได้หรือไม่ อันตรายหรือเปล่า"

"เมื่อ meepole รู้เรื่องแล้วก็เลยตามหาดูก็พบว่ามีข้อแนะนำดังกล่าวจริง อ่านดูแล้ว ไม่สบายใจ ทำเฉยก็ไม่สบายใจเพราะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่ถูก อันตราย และอยู่ในสายวิชาการที่เรียนมาด้วย แล้ววางเฉย หากวันหนึ่งมีข่าวถึงตายเพราะการกระทำที่ไม่รู้นั้น ก็จะเกิดความรู้สึกผิด  ถึงแม้จะเขียนเตือนตรงนี้ในที่แคบๆ ที่ไม่ค่อยมีโลกภายนอกรู้จักนัก เพราะไม่ไช่คอลัมน์บันเทิง ก็ยังดีที่มีผู้ใส่ใจคุณภาพชีวิตจริงๆที่เจาะเข้ามาถึงตรงนี้ได้ หรือไม่ก็ทุกข์มากกับเรื่องหนึ่งๆที่เผชิญเช่น เชื้อราจึงเจาะมาเจอ แต่อย่างไรก็ตามก้หวังว่าผู้ที่เข้ามาในนี้ได้ คงเมตตา กรุณา นำไปบอกต่อเพื่อให้อีกหลายๆส่วนได้รับรู้เพื่อความปลอดภัยเช่นกัน (เพราะ meepole ขอจำกัดโลกของตัวเองไม่ออกไปใช้เส้นทางออนไลน์ต่างๆที่มากกว่านี้)"
อ่านต่อได้ใน

http://meepole.blogspot.com/2011/12/home-fumigation.html  ไปเขียนเตือนไว้แล้ว

ดังนั้นการที่คนนำมาเผยแพร่ซึ่งอาจได้รับต่อๆกันมาอีก และไม่ไตร่ตรอง ค้นคว้าก่อน แทนที่จะเกิดผลดี กลับอันตรายมาก ดังนั้นการบอกต่อๆเกี่ยวกับอะไรที่ต้องใช้สารเคมี ต้องระมัดระวังค้นคว้าอ่านให้ดีทั้งผู้ส่งข่าวและผู้เผยแพรต่อ บางครั้งไม่ได้บุญแล้ว ยังก่อบาปไม่รู้ตัวอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

30 Dec:


วันนี้แวะไปเอาอุปกรณ์การก่อสร้างสารพัด ค้อน ขวาน ประแจขนาดต่างๆ ตะไบ เลื่อยฯ ลูกกุญแจหลายขนาดหลายโหล เตรียมไปให้หลวงพ่อในป่าใช้ เอาปฎิทินไปให้ภา เอาที่นอนสุขภาพขนาด 3' x 6.5 ' ที่ซื้อไว้ 2 ชุด เอาไปให้พระอาจารย์ 1 ชุด เตรียมล่วงหน้าไว้รับสมเด็จฯ ที่ท่านจะมาอีกไม่นาน ไปดูเตียงไม่มีที่ถูกใจเพราะไม่เรียบร้อย เลยสรุปว่าสั่งช่างทำเอง

บ่ายเตรียมสอนตลอด ลมแรงมาก แต่ไม่มีฝน

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

29 Dec: แก้ต้นฉบับ เข้าใจในบุญ


เมื่อคืนส่งต้นฉบับใหม่อีกรอบ เพราะบอกว่ายังไม่ได้รับ  เช้านี้ก็โทรมาอีกว่าก็ยังไม่ได้รับ งงๆๆ เพราะที่ส่งไปสองรอบแล้วสนพ.ยังบอกว่าไม่ได้รับ ในที่สุดสรุปตรงที่ส่งผิด add. เขาเปลี่ยน add ใหม่ เฮ้อ ! ไม่บอกตั้งแต่แรก เลยส่งอีก สงสารตัวเองจัง หุ หุ  ตอนเที่ยงก็บอกว่าวันนี้จะส่งต้นฉบับที่เตรียมพิมพ์มาให้ตรวจอีกรอบ ก็เลยอยู่เฝ้าหน้าจอ เพิ่งแก้ทั้งหมดเสร็จตะกี้ โล่งไปอีกงาน

วันนี้เปลี่ยนใจไม่ทำหมันหนู Yiching เพราะกิ่งเขาจะเอาลูก Yiching ก่อน แล้วค่อยทำทีหลัง เลยให้เอกไปเอากลับมา

วันที่ 29 ธค.- 8 มค. มหาลัยปิด วันนี้ไปงานต้นไม้อีกก็ชื้ออีก เจอดร.หมู ผศ.วินัย

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

28 Dec: สกอ..ดัมมี่


วันนี้มีแข่งกีฬาระหว่างคณะ รายการประกาศสารพัดดีเด่น ที่รู้ๆกันอยู่ พวกดร.กลุ่มหัวคุณภาพที่รับไม่ได้กับการสร้างภาพลวงตาเลยนัดเรามาทานข้าวเที่ยงวันนี้ เลยทานไปคุยไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงจน 16.30   ผลัดกันเล่าเรื่องเละๆในสภาวิชาการ และในส่วนงานของเขา สภาวิชาการที่อยู่ภายใต้อธิการและรองคู่... เลยรอคำสั่งอย่างเดียวที่จะส่งผ่านหลักสูตรที่ไม่ถูกต้องเข้าสภาฯ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าสภามหาวิทยาลัยทีมนี้เขาคุมอยู่เหมือนก่อนๆ เพราะผู้ทรงคุณวุฒิที่มีแต่วัยวุฒิ ก็ไม่รับผิดชอบอะไร บางคนไม่อ่านมาก่อนด้วยซ้ำ และแน่นอนที่หลายคนไม่รู้ว่า TQF คืออะไรด้วยซ้ำ มหาลัยที่สร้างภาพลวงตา หลอกลวงคุณภาพทุกขั้นตอน ใครจะช่วยได้ นอกจากหวังจิตสำนึก มโนธรรม ในใจแต่ละคน ที่กล้าต่อสู้กับกิเลสที่ผู้บริหารเอามาล่อจนบดบังความถูกต้องไปหมด...  เงินตัวเดียวจริงๆ ซื้อทุกอย่างได้กระทั่งวิญญาณครู 

เสนอหลักสูตรแบบลัดคิว หลักสูตรเทคโนโลยีวัสดุและการผลิต ที่มีอาจารย์ ceremic 2 คนเท่านั้น ใส่ชื่ออจ.ฟิสิกส์สาขานิวเคลียร์ฟิสิกส์เข้าไป อีกคนสาขาเคมีด้านโมเดลจำลอง ไม่เกี่ยวเลยแต่ต้องเปิดให้ได้ก็ต้องทำทุกวิธีเพราะมีใบสั่งให้ทำ ไม่งั้นถูก blacklist แน่ คณบดีก็ต้องสนองทันที เหมือนที่เคยโกงตอนเปิดป.เอกยุทธศาสตร์ที่ใส่ชื่ออจ.ที่ยังไม่มีตัวตนในมหาวิทยาลัยมาใส่เพื่อให้เปิดได้ สกอก็ทำงานไม่รอบคอบให้เขาดูถูกได้อยู่แล้วว่าจับไม่ติดหรอกเป็นสกอ. ดัมมี่ กลวงไม่มีอะไรเลย และก็ส่วนมากจับไม่ติด คุณภาพการศึกษาไทยจึงตกต่ำมากขึ้นเพราะไม่มีใครมีสำนึก รับผิดชอบในหน้าที่จริงจังเลย บางม.ราชภัฎฯ จึงไร้คุณภาพจริงๆ แต่ประเมินผ่านทุกครั้งเพราะสร้างภาพ สร้างข้อมูลไว้ให้ตรวจ  ขนาดตอนนี้เรียกประชุมให้เขียนทุกโปรแกรมตามท่ต้องผ่าน สั่งแกมบังคับให้เขียนแบบไหน ของโปรแกรมเราก็บอกน้องๆว่าขอเถอะ ขอให้เขียนตามจริงเห็นแก่อนาคตเด็กอย่าหลอกลวงเลย ถ้าจะต้องปิดโปรแกรมสวล. ก็ปิดไป ถ้าจะให้เปิดต่อก็ให้มหาวิทยาลัยรับผิดชอบให้ซื้ออุปกรณ์ปฎิบัติการเฉพาะสาขาที่ต้องมี ไม่ไช่จนจบไป 3 รุ่น ไม่เคยได้จับใช้อุปกนร์ใดๆ แล้วจะเป็นสาขามลพิษสวล.ได้ยังไง น่าละอายและเศร้าจริงๆ สุดท้ายกรรมตกที่นักศึกษาที่จบแล้วหางานยากเพราะด้อยคุณภาพ ไม่เป็นที่ยอมรับ
สกอ. คือสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

27 Dec: ข้างบ้าน..อีกแล้ว


วันนี้เช้า search หาข้อมูลเตรียมเขียนหนังสือในโครงการตำราเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ เคยเขียนครั้งที่แล้ว เรื่องสารชีวโมเลกุล  บ่ายเพื่อนชวนไปซื้อต้นไม้ที่งานดอกไม้ ได้มาหลายต้นตามเคย

เที่ยงนี้เก็บซองพลาสติกของผ้าอนามัยที่ทิ้งข้ามมา2 ซอง พร้อมกับกระดาษเป็นเส้นที่ติดแถบกาว เขียนว่า thermal protect ดูแล้วคิดไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ตกข้างกำแพงทั้งหมดอยู่ด้วยกัน เลยงงๆว่ามาจากไหน ไม่น่าจะมีทางมาได้นอกจากข้างบ้าน (หมอศิริพงศ์) เอาอีกแล้ว คาดว่าเด็กคนใช้น่าจะสอดข้ามช่องกำแพงมา เหมือนที่เคยทิ้งกระดูกไก่ เม็ดมะม่วง ฝาถังโฟมที่บรรจุน้ำแข็ง กระดาษห่อของขวัญ ฯมาแล้ว ช่วงหลังก็มีซองขนม ถุงเป็นระยะๆ ก็เก็บเองเพราะอยู่ตอนหลังสุดของบ้าน อย่างอื่นพอทนได้ วันนี้เห็นของที่ทิ้งแล้วเดินคิด2-3 ตลบว่าต้องไปบอกไหม ไม่อยากมีเรื่องหรอก คิดไปมาก็บอกตัวเองว่าคราวนี้กล้าทิ้งของแบบนี้ถ้ายังเฉยอีกคราวหน้าคงเจอของจริงทิ้งมาแล้วจะพูดไม่ออก ตัดปัญหาไปถามดีกว่าว่า "ช่วยถามให้หน่อยว่าเด็กในบ้านทิ้งมาหรือไม่ เพราะเจอที่กำแพงช่วงหลังบ้านตอนใน" พูดดีกว่าจะได้รู้ว่าต้องห้ามปรามคนในบ้านว่าอย่าทิ้งของมาอีกเลย ก็เอาไปถามเจอลูกชายที่เพิ่งจบมา ก็เรียกเขาแล้วส่งให้ดู ก็ไม่แปลกใจเขาปฎิเสธทันที โดยไม่ถามใคร  และแม่เขาตะโกนออกมาว่าไม่ต้องไปถามใครทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครทิ้งของไปไหนทั้งนั้น แต่ถ้าเอามาให้เขาทิ้งเขาจะทิ้งถังขยะให้ เลยตอบเขาพร้อมยิ้มว่า ขอบคุณมากๆค่ะ จบ จริงๆไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลยตอนไปถามเพราะไม่คิดว่าต้องโกรธ เพียงแต่ต้องการให้ช่วยรับรู้ปัญหาที่เกิด และแก้ปัญหา สักครู่เขาตะโกนถามมาว่าไปเจอตรงไหน ก็เคาะตรงตำแหน่งนั้นให้ได้ยิน เฮ้อ ! แต่สุดท้ายเหมือนทุกครั้งคือไม่มีคำตอบว่า ไช่ ขอโทษ จะสอนเด็กให้  หรือไม่ไช่ถามทุกคนแล้ว เราเข้าใจผิดเอง ก็บอกมา เพราะแต่ไหนแต่ไรก่อนเขามาอยู่ ที่บ้านไม่มีของประหลาดทิ้งเรี่ยราดเรื่อยๆ คงต้องกรวดน้ำให้อีกแล้ว จริงๆไม่เคยคิดอะไรมากต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว แต่ที่แย่ตั้งแต่แรกของคนปกติเลย ที่ส่วนมากเขาจะลืมมองว่าเขาได้เบียดเบียนอะไรเพื่อนบ้านบ้าง การสร้างบ้านของเขาได้ทำความเสียหายแก่เพื่อนบ้านอย่างไร อย่างน้อยรถยนต์เราติดสะเก็ดฝุ่นปูนเต็มไปหมดยังไม่ได้ไปขัดออกเลย ก็ไม่เคยพูดอะไรด้วย เพราะไม่มีประโยชน์ หลายอย่างก็นิ่งๆไว้จะดีเอง

ทำไมเขาไม่คิดนะว่าบ้านเรานอกจากเงียบสงบแล้ว ยังไม่เคยสร้างความลำบากใจให้เขาเดือดร้อน เพียงเขาตระหนักก็น่าจะมีความเกรงใจ เพราะเราก็เกรงใจเขา เรากั้นบ้าน กั้นแนวกันไม่ให้หมาเขาหมาเราเห่าวุ่นวายใส่กันเพราะหมาเขามาตะกายกำแพงเห่า ข้างเราก็ไม่ยอมวิ่งไปเห่าสู้ วุ่นวายเป็นเดือนทุกเย็น เช้า เราเลยจ้างคนมาทำแผ่นเชอร่ากั้นตลอดแนวกำแพงด้านเราเสียไปสี่หมื่นเศษ กั้นด้านหลังที่เขาสร้างบ้านจนชิดบ้านเรา เว้นไว้เพียง 40 cm ผิดกฎหมายด้วยซ้ำ มีหลายคนมาบ้านก็เห็นบอกว่าฟ้องได้มันผิดนะ  เราก็บอกว่าแล้วจะเป็นความให้ร้อนใจกันไปทำไม ของมันเกิดแล้ว เขาทำไปเราไม่เคยว่า คิดมากก็ไช่ทำอะไรให้ดีขึ้น เราก็กั้นของเราเองในที่สุดก็เท่านั้น เราจ้างคนมากั้นเสียไปอีก 78,000 บาท เขามาสร้างบ้านหลังสุดในหมู่บ้านเพราะเขาซื้อที่ต่อจากคนอื่น สร้างทีหลังทำความเสียหายตอนตอกเข็ม ห้องเก็บของแตกลงมาเป็นแนวยาว  พื้นด้านข้างแยกแตกออก เพราะเขาสร้างสระว่ายน้ำในบริเวณตอนหลังตอกเข็ม 36 ต้นเฉพาะตรงบริเวณที่สร้างสระว่ายน้ำ มากเป็นพิเศษกว่าบ้านอื่นๆ  พื้นโรงจอดรถทรุดลง ท่อประปาเลยแตก รื้อยาวตลอดแนว ทุบพื้น ในที่สุดช่างเขาไม่รับผิดชอบ ไม่เป็นไร ก็จ้างช่างเขานั่นล่ะมาทำหมดไป รอบบ้านตลอดแนวด้านเขาทั้งหมด 400,000 เศษ ไม่รู้เขาจะรับรู้ความเดือดร้อนบ้างหรือเปล่าว่า เพียงเขามาอยู่เราเดือดร้อนแค่ไหน  รวมจ่ายค่าเพื่อนบ้านทำความเดือดร้อนให้ 500,000 เศษ ซื้อความสงบ บางทีก็คิดนะว่าก่อกรรมอะไรหนอมีเพื่อนบ้านแบบนี้ (ที่เห็นแก่ตัวจัง) แต่คิดในใจ ถ้าเคยติดค้างกันในชาติปางไหน ก็ขอให้หมดๆไปนะ  สามีบอกว่าจะเชิญเขามาทานกาแฟคุยกันหน่อยว่าเครียดเรื่องอะไร ?  เพราะลูกชายเขามาพูดกับสามีตอนบ่ายว่า "พ่อก็เครียดมาก แต่ไม่ไช่เรื่องนั้น พ่อเป็นคนดีมาก ไม่พูดว่าอะไรใครเลย ที่รพ.ใครๆก็ว่าพ่อดี" เราเลยถามสามีว่า"เรื่องนั้น"ที่ลูกชายเขาพูดคือเรื่องอะไร สามีบอกว่าคงเป็นเรื่องที่พ่อหมอของเขาถูกให้ออกจากราชการเพราะมีคดีทุจริตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (ถ้าไม่ออกก่อนปีหน้านี้ก็น่าเกษียณ) แต่เรื่องนี่เราไม่วิจารณ์ตำหนิเพราะเขาก็ทุกข์พออยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ นอกจากเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ เราไม่ต้องไปยุ่งเพราะไม่รู้ ก็เลยงง ว่าเครียดอะไร ดังนั้นเรื่องทานกาแฟเรายังคิดอยู่ว่าขอเวลาคิดก่อน ว่าจำเป็นหรือไม่? สามีชอบ clear cut แต่เราชอบไม่ยุ่งอะไรเลยดีกว่า ดี หรือไม่ดี เป็นเรื่องที่ใครทำก็รับรู้เอง ไม่มีใครรับว่าตัวเองผิด ทิ้งของมากี่ครั้ง ไม่เคยรับหรือขอโทษเลย  เรื่องคนงานที่เคยมีปัญหา ฯ  เรื่องนี้จึงขอคิดอีกที พูดกับคนที่ควรพูด พูดกับคนมีเหตุผล แต่ภรรยาหมอน่ากลัวจังเลยคิดหนัก คิ คิ

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

26 Dec: เลี้ยงส่งท้ายโปรแกรมฯ


วันนี้อจ.น้องๆในโปรแกรมนัดกันทานปีใหม่ ให้เราเป็นคนเลือกที่เหมือนเดิม ด้วยเวลาที่จำกัด เพราะมีบางคนต้องสอนหลังบ่ายสอง เลยไปตอน11.00 ให้น้องๆไปรับเค๊กที่สั่งไว้ เราไปถึงก่อนสั่งอาหารจำนวนหนึ่งก่อน คือกั้งทอดกระเทียมพริกไทยดำ ปลาทรายทอดขมิ้น หอยขาวต้มตะไคร้ ทอดมันปลา สักครู่น้องๆมาถึง ก็สั่ง ปูต้ม ยำปลาหมึกไข่ยำไข่แมงดาทะเล  (รายการหลังนี่เราไม่กินแน่นอน)  อาหารที่ใช้ได้คือทอดมันปลา และกั้ง นอกนั้นไม่ work เลยเมื่อเทียบกับร้านอร่อยอื่นๆ ปลาทอดอมน้ำมันมาก ไม่มีกลิ่นขมิ้น ยำไข่ปลาหมึกจืดเรากินแต่เนื้อชิ้นเดียว ปูได้หลานและเหลนปูมา นานๆได้กินปูเล็กขนาดนี้ ไม่ถ่ายมาเพราะเสียชื่อทานเหลนปู ราคาแพง 2,000 บาทเมื่อเทียบเมื่อวานที่ทานที่ดอนสัก 5 รายการ 1,345 บาทแต่อร่อยและจานใหญ่มากจนต้องเอากลับ กุ้งผัดสะตอ ยำสามกรอบ (อร่อยสูตรไม่เหมือนใครจริงๆ) ปูผัดผงกะหรี่ กั้งทอดกระเทียมพริกไทย ทอดมันปลา คนละรสชาดเลย สรุปว่าร้านในเมืองนี่ไม่ work คราวหน้าจะไม่แนะใครมาอีกแล้ว จริงๆร้านที่อร่อยอยู่ข้างในไปอีกแต่ไม่ติดน้ำเป็นร้านเก่าแก่ คนที่นี่นิยมไป แต่ตจว.มาก็จะมากินบรรยากาศด้วย

ตบท้ายด้วยเค๊กเนยสด(เลือกสั่งจากร้านที่ใช้เนยสดจริง  เลยอร่อยดังใจ ไม่อันตรายต่อสุขภาพ นอกจากอ้วนๆๆ เราสั่งเค๊ก 2 ปอนด์เลี้ยงน้องๆ (4 คน) สั่งเพิ่มเชอรี่จริงเขาคิดเพิ่มลูกละ 10 บาท เลยใส่ไป 12 ลูก น้องๆชอบก็ happy แล้ว

ปีนี้เอา "พระธรรม" (บทสวดธัมจักกัปวัฑนสูตร)ไปให้น้องๆไว้ตั้งหิ้งพระ แนะให้เขาสวดมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิต






ระหว่างทานเห็นเรือบรทุกสินค้า และ LPG เข้ามา ตอนนี้น้ำขึ้นเต็มที่

วันนี้เอากล้องเล็กไปภาพเลยไม่ดี คราวหน้าจะไม่ขี้เกียจหอบตัวใหญ่แล้ว

บ่ายแก่ๆ กลับมาตกแต่งหนังสืออีกเล็กน้อย แล้วส่งต้นฉบับ "เข้าใจในบุญ"   ทั้งหมด (78 หน้า) ให้สนพ.จัดการต่อ ส่งทุกทีของร้อนทั้งนั้น

วันนี้ครบ 7 ปี สึนามิ 5,395 คนที่สูญเสียในไทย สองวันนี้เกิด สตรอม เสิร์ช (Strom Search) หรือ น้ำทะเลยกตัวสูง หลายจังหวัด สุราษฎร์ ชุมพร ประจวบฯ นครฯ รุนแรงพอควร

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

25 Dec: ดอนสัก/เปรต


เช้ารีบเขียนหนังสือ วันนี้ตั้งใจตกแต่งรูปแต่ไปเจอเรื่องน่าสนใจเลยค้นเพิ่มบางอย่าง ก็ยาวไปเลย เที่ยงไปดอนสักทานอาหาร เพราะต้องไปรับผู้ใหญ่ที่มาจากเกาะสมุยวันนี้ ท่านบินมาจากกทม. ก็เลยโทรบอกตอนสายแล้ว ก็ตัดสินใจไปเลย คลื่นลมแรงมากก็นั่งทำงานต่อที่ร้านอาหาร แต่เฟอรี่เลื่อนเวลา เลยรอจน17.30 น. วันนี้เห็นอุบัติเหตุทั้งขาไป กลับรถติดยาวมาก แต่คนละเลน เลยผ่านไปได้ ขากลับมือมองไม่ชัดแต่เขาโบกให้เลี้ยวออกทางเล็ก

ระหว่างทานอาหารได้ภาพบรรยากาศดีๆ เรียนรู้เรื่องประมงจากพนง.เสริฟอาหารที่เป็นคนดอนสักเล่าเรื่องประกอบภาพ แล้วจะนำมาเขียนวันหน้า วันนี้ขอปั่นหนังสือต่อ

 ระหว่างทางอ่านไตรภูมิพระร่วงต่อ อ่านนรกภูมิ เปรตภูมิ แล้วคิดถึงหลายๆคนที่รู้จัก และหลายกรณีที่เป็นอาชีพที่ที่ไม่ทำตามหน้าที่ ทำให้ต้องเกิดเป็นเปรตในภูมิต่างๆรับความทุกข์ทรมานชนิดเสียวสยอง อันนี้ต้องบอกว่าคนทำชั่วยังไม่ได้อ่าน คนที่ใส่ร้ายคนอื่น ปั้นน้ำเป็นตัวให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพราะความโลภแห่งตน อันนี้ได้เป็นเปรตแน่นอน คนที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คนที่มีหน้าที่ แต่ทำถูกเป็นผิด ทำผิดเป็นถูก อ่านแล้วน่าเห็นใจคนในเครื่องแบบบางคนจัง กลายเป็นเปรตทั้งตระกูลแน่เลย ไฟไหนเล่าที่จะร้อนเท่าไฟนรก เมื่อไหร่จะสำนึกผิดในความโลภในสิ่งที่ไม่ไช่ของตัวหนอ กรรมจะตกถึงลูกจริงๆ

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

24 Dec: หนังสือ/ฝัน/cake


วันนี้ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต ปั่นหนังสือที่คิดว่าเขียนเสร็จแล้ว แต่อ่านเจอสิ่งดีๆเพิ่ม ในหนังสือของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ เลยเอารวมเพิ่ม อยากให้คนอ่านได้ไปมากๆ เลยเพิ่งปั่นเสร็จ คืนนี้หารูปที่เกี่ยวข้องใส่อีก

เมื่อคืนฝันถึงผอ.โกวิทที่ตายไปแล้วว่ากำลังจะไปร่วมงานทำบุญ 100 วันทั้งๆที่ไม่ได้คิดถึงท่านเลย ตื่นหัวรุ่งเลยนั่งนึกว่าถึง 100 วันแล้วจริงๆหรือ ปรากฎว่ามาตรวจเช็คที่เคยบันทึกไว้พบว่าครบ 95 วันพอดี สงสัยว่าผอ.จะมาเตือนให้ไปทำบุญ (จริงๆแล้วลืมจริงๆ) เลยตั้งใจว่าจะตักบาตรให้ท่านนะเจ้าคะ ถ้าจะมากกว่านี้ก็ขอให้มาเข้าฝันอีกนะเจ้าคะ จะทำให้ค่ะ คิคิ

วันนี้ออกไปสั่ง Happy New Year Cake ไว้เลี้ยงน้องๆอาจารย์ที่โปรแกรม เขาจะได้มีความสุขกัน สั่งใส่ cherry เพิ่ม เขาคิดลูกละ 10 บาทแน่ะ เลยบอกใส่เพิ่มไป 12 ลูก เอาให้เต็มหน้าเค็กแล้วกัน

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

22-23 Dec:หนังสือเพื่อเฉลิมพระเกียรติ


เมื่อวานสอนทั้งวัน และเป็นเรื่องแปลกใจ ที่มีอจ.ที่ไม่ได้เจอกันนานมากมาหา เราอยู่คนละคณะกันก็มาคุยถามข่าวกันและมาบอกข่าวน่ายินดีด้วยคืออจ.ท่านนี้เปิดโรงเรียนดนตรี ก็ดีใจด้วยที่ก่อนเกษียณมีธุรกิจรองรับ เราก็บอกว่าธุรกิจก็คือธุรกิจที่ต้องทำกำไร แต่ในเมื่อใช้ชื่อโรงเรียนด้วยก้คงต้องตั้งวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ความรู้ที่ให้ต้องนำไปสู่การขัดเกลาจิตใจให้เยือกเย็น อ่อนโยนแต่มีสมาธิตั้งมั่น ไม่ไช่เพื่อการแข่งขัน ตอนนี้อะไรๆก้แข่งขันจนเยาวชนเข้าใจและเคยชินกับการแข่งกัน ทำทุกอย่างเพื่อเปรียบเทียบใครดีกว่าใคร ใครชนะใคร ในอดีต ดนตรีเรียนเพื่อฝึกตน ให้จิตใจอ่อนโยน กีฬาเรียนเพื่อให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย  และให้สุขภาพแข็งแรง ลดเครียด ตอนนี้เกือบลืมวัตถุประสงค์จริงๆไปหมดแล้ว  อจ.ท่านน้นก็คุยให้ฟังเรื่องการซื้อของ การประมูลอุปกรณ์ต่างๆของมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้มีการฮั้วเป็นทีมมากขึ้น ไม่กินเดี่ยว กินกันเป็นทีม ส่งต่อกันแบบ Amway direct sell ที่มี upline downline และแก้ล็อกสเปค ให้บริษัทไหนเข้าได้ หากผิดเป้าก็หาเรื่องกีดกันอื่นๆจนได้  เราโชคดีมากที่อยู่ท่ามกลางกองขี้ แต่ระวังตัวมากที่จะไม่ให้เปื้อน แค่กลิ่นในนั้นยังแย่เลย

จริงๆเรื่องแบบนี้หลายคนคงบอกว่ามีทุกแห่ง แต่ที่เราแปลกใจว่าที่ๆเราอยู่นี่คือมหาวิทยาลัยที่อ้างเป็นข้าแผ่นดิน เป็นครู อาจารย์ แต่ไม่ละอายที่จะโกงกินเงินภาษีแผ่นดินที่จะต้องใช้ซื้อวัสดุอุปกรณ์การศึกษาของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ โจรขโมยก็ขโมยของเป็นบ้านๆ แต่พวกข้าราชการที่โกงกินภาษีแผ่นดิน คอรัปชั่นถือว่าโกงกินคนไทยทั้งชาติเลยทีเดียว หลบการคุยกับคนในนั้นมานานมาก มารู้เรื่องราวมากมายอีกครั้งรังเกียจจริงๆที่ทำได้ ไม่เข้าใจจริงๆจิตใจทำด้วยอะไร พื้นฐานชีวิตเป็นยังไง โกงกระทั่งวัสดุการเรียนของลูกศิษย์ตัวเองได้

เมื่อวานสอนทั้งวันระหว่างสอนมีคอจ.มาหาทั้งหมด 4  ราย มาแจกการ์แต่งงานด้วย อีกรายขอนัดทานข้าวกัน 4 คน วันนี้นัดเลี้ยงอจ.น้องๆในโปรแกรมด้วย /อ.อุ๊ ให้สคส

วันนี้ตามเรื่องโครงการเขียนหนังสือเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ที่ไม่รู้ข่าว และหมดเขตการส่งไปแล้ว จึงไปถามคณะ จนท.บอกให้ส่งชื่อหนังสือได้ถึงวันนี้ ก็เลยคิดๆๆๆค้นๆๆ ว่านอกจาก "มลพิษสวล." ที่เป็นตำราแล้ว น่าจะเขียนเรื่องอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้ (หากอ่าน) ด้วยความตั้งใจมั่นที่จะใช้โอกาสนี้เขียนหนังสือในสาขาที่ตัวเองถนัดและชอบค้นไปค้นมาอยู่เกือบสองชั่วโมง อยู่ดีๆชื่อวิ่งเข้าในหัว...."โลกสีเขียว Go Green" ปีหน้ามีงานเขียนเพิ่มรอคิวอีก  2 เล่ม คงต้องเปิดบล็อกใหม่ไว้เขียนเรื่องนี้โดยเฉพาะแยกออกไป เพราะทั่วๆคงไม่มีใครอยากอ่านเรื่องจริงจัง แนววิทยาศาสตร์ มากนัก แต่ส่วนตัวเราแค่คิดจะเขียนก็สนุกแล้ว คิ คิ อยากมีมือเยอะๆจะได้ชวยพิมพ์ทัน โลกยุคหน้าน่าจะมี ประเภทเพียงแค่พูดอักษรก็ปรากฎบนจอคอมฯ แต่ที่แย่คือการจัดการ และข้อมูลไม่มีใครรู้เรื่องเราขอรู้ 2 อย่างคือ ขนาดหนังสือ และจำนวนหน้ามีข้อระบุกำหนดหรือไม่ ไม่มีจนท.คนใดหรือรองฯคนใดรู้ นอกจากต้องถามคณบดีคนเดียว เราก็บอกว่าก็ถามเลยเพราะไม่รู้ข้อมูลได้อย่างไร จนท.บอกว่าคณบดีประชุมต้องรอถามก่อน เฮ!! ลิเก ตามเคย

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

21 Dec: ตลุยเขียน


วันนี้ตั้งแต่เช้าทำงานเดียว ตลุยทำหนังสือถวายพระอาจารย์เนื่องในวันเกิดท่านและให้ท่านได้ใช้แจกปีใหม่และตลอดทั้งปี เสร็จ 3 บท คือ เข้าใจบุญ..ให้เกิดบุญ (เอาที่เคยพิมพ์แจกในงานกฐิน มาปรับเพิ่มใหม่) สรรพ์สิ่งที่เห็น และที่เป็น ล้วนมีคำสอน อันนี้มีเป็นสิบหัวข้อย่อย เราอ่านเก็บสะสมไว้เยอะ เลยเอามาย่อย ชอบมากกกก อีกเช่นกัน คิ คิ และ คำอธิษฐาน..บนเส้นทางธรรม (ของอ.สุชีพ เราชอบมากเลยเอามาเผยแพร่) ได้ประมาณ 70 หน้ายังไม่ใส่รูป และอื่นๆ สุดท้ายทั้งหมดน่าจะประมาณไม่เกิน 80 หน้า
เย็นนี้เพื่อนบ้านชวนไปทานนอกบ้าน ก็ไป กลับมาเดี่ยวจะเตรียมสอนต่อพรุ่งนี้ทั้งวันตามเคย เรื่องมลพิษทางทะเล คงยก case oil spill อีกวิชาก็ bioremediation

วันนี้อิทธิพลของพายุ วาชิ เข้าตอนใต้ อากาศเย็น มัวสลัวทั้งวัน แต่ไม่มีฝน

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

20 Dec: ไตรภูมิพระร่วง

ที่มาภาพ board.palungjit.com


วันนี้ได้หนังสือใหม่มาอ่านคือ ไตรภูมิพระร่วง เคยเรียนในวิชาประวัติศาสตร์ไทย ว่าพระเจ้าลิไท เป็นผู้เขียนเรื่องนี้ แต่ไม่เคยเห็นหนังสือ หรือรายละเอียด วันนั้พระอาจารย์ให้มาย่อย (อ่านศึกษา) โชคดีที่ได้เห็นหนังสือนี้ เป็น version ที่ทำโดยธรรมสภา พรุ่งนี้จะเอารูปมาลง

  เอาไปลงแล้ว http://meecorner.blogspot.com/2011/12/blog-post_21.html

อ.เสียงทองโทรมาคุยอีก น้ำเสียงยังเป็นคนหนุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าอจ.เกษียณมาหลายปีมากแล้ว
วันนี้ลมแรงมากทั้งวัน ไม่รู้ว่าพายุวาชิ ที่พรุ่งนี้จะเข้ามาเลเซียจะเป็นไงบ้าง ห่วงเพื่อนที่นั่นจัง

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

19 Dec:


ดอกสาละ ที่วัดพ่อท่านจบ

วันนี้ไม่เจอยายกะเด็กไปสาย อ.เสียงทองโทรมาหาตอนเที่ยง  เย็นนี้ช่างเอาตู้เย็นมาส่ง  วันนี้ท้องป่วย กินถ่าน 2 ครั้ง OK เขียนบล็อกเรื่อง "ราในรถยนต์"  คิดๆก็เป็นห่วงสุขภาพคนไทยหลายคนทีเดียวที่จะได้รับอันตรายจาก รา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หวังว่าข้อเขียนของเราคงได้เกิดประโยชน์บ้าง  คนมาอ่านพอสมควร แต่อยากให้คนน้ำท่วมบ้านได้รับทราบด้วยจัง

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

18 Dec: ไปไชยา/ธรรมมาตา


วันนี้ไกล้เที่ยงไปไชยากับเพื่อนรวม 4 คนไปทานเที่ยงที่่เพื่อนเดินทาง new version  แปลกที่รู้สึกตรงกันว่าอาหารไม่ค่อยอร่อยเหมือนก่อน แต่ไม่ได้ว่าอะไร ทานเสร็จตั้งใจจะไปเยี่ยมสวัสดีปีใหม่แม่หมอที่ธรรมะมาตา แต่ไม่อยู่ไปกทม.เลยนั่งเล่นที่ศาลาพุทธทาส 100 ปี แล้วกลับ


บนล่าง  ภายในร้านห้องโถงนอก

ล่างเป็นทางเข้าห้องน้ำหญิง ชาย ตามตัวหนังตะลุง ใช้หนังควายแกะ ไม่ไช่ภาพวาด



ก่อนออกจากร้าน lady อย่างเราก็กินไอติมโบราณ อันละ 15 บาท



 link ต้องการดูถนนตัดใหม่ที่สร้างด้วยงบพันกว่าล้าน ตั้งแ่ต่ 2552-กย 2555 เส้นตัดจากนครเข้าเมืองอีกด้านของสุราษฎร์ ไกลพอควรแต่ก็ไปกัน ขับจนถึงจุดปลายสุดที่ไปไม่ได้แล้วอยู่ตรงสะพานข้ามแม่น้ำพอดี วิวสวยมาก วันนี้ไม่มีแดดจัด ลมแรง ครึ้มฝน เลยเดินบนสะพานที่สูง ก็โหวงๆเหมือนกันเวลาก้มมองน้ำ เป็นสะพานคลองฉนาก เพิ่งรู้ภายหลังว่าข้างล่างวัดที่เห็นคือวัดแหลมทองที่คราวก่อนเราไปแล้วตอนน้ำท่วม ลงเรือเอาของไปถวายพระ 

ลงมาถ่ายภาพเพราะแปลกดีเห็นแม่น้ำกว้างมากแล้วอยู่ดีๆมาแยกเเป็นสองสายชัดเจน  จะเห็นรูปซ้าย เป็นแม่น้าที่แยกไปด้านซ้าย รูปขวา เป็นเส้นขวามือ



 รูปกลางบน เห็นตัวการที่ทำให้แยกคือมีคล้ายๆเกาะเป็นผืนดินที่ตั้งวัดแหลมทอง ปลายติ่งแหลมทำให้แม่น้ำแยกเป็นสองด้าน


แม่น้ำอีกด้านคนละฝั่งสะพานก่อนลอดใต้สะพานที่ยืนอยู่แล้วแยกเป็นสองสาย เงาภูเขาข้างหน้าคือ ตัวเมือง


อันนี้เห็นน้ำสองสีที่ไม่ยอมเข้ากัน เหมือนที่คุณคนบ้านไกลเอามาให้ดู ของบ้านเราก็มีแฮะ


อ่านต่อ เรื่องของธรรมมาตาที่...http://meecorner.blogspot.com/2011/12/blog-post_18.html



My silent corner 11 : วันแรกที่เข้าใน King’s college 2

  My great supervisor; Jeremy R Mason

Professor Dr. Jeremy  R. Mason คนกลางภาพ สูทเทา ท่ามกลางลูกศิษย์

 ที่มาภาพ : http://www.kcl.ac.uk/kis/schools/life_sciences/life_sci/EBK/EBKtext.html

จากตอนที่แล้ว...เมื่อเราเข้าใน King's college วันแรก ทุกอย่างตื่นเต้นไปหมด เพราะเป็นอะไรที่ไม่คาดหวังในชีวิตว่าต้องมาเรียนตปท.เพราะไม่ชอบไกลบ้าน แม้จะมี signal บางประการล่วงหน้าประมาณ 3 ปี ไว้ค่อยเขียนวันหลัง เอาเป็นว่า Rojer Miles พาเราไปที่ห้องพักนักศึกษา เพื่อรอเวลา Jeremy มา ระหว่างรอครู่ใหญ่ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วมองๆเรา แล้วส่งเสียงทักเราก่อนว่า Are u Thai ? เมื่อตอบว่าไช่ ก็พูดไทยทันที เธอเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่เรารู้จักที่นั่น เธอชื่อ "เป้า" เป็นเด็กของ Rojer Miles  เป็นนักเรียนทุนของม.นเรศวร แต่ได้ทุนมาแบบไม่เต็ม ส่วนเกินเธอต้องจ่ายเองหมด ดังนั้นเป้าจึงทำงาน part time เป้าเป็นตัวอย่างที่ดีของความอดทนหลายอย่างที่เราได้เรียนรู้ เธอเป็นความอบอุ่นในช่วงแรกของการไปอยู่ที่นั่นของเรา เพราะเธอแนะบอกอะไรๆที่เราควรรู้คามแบบฉบับของเธอ เพราะความที่เธอต้องเป็นคนดูแลตัวเองทุกอย่าง เธอจึงเป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองและแข็ง พูดตรงมาก วันหลังจะมาบันทึกเรื่องของเธอและเราอีก...เธอเล่าให้ฟังว่าที่นี่มีนักเรียนไทยนับเราแล้ว 3 คน full time และอีก 1 คน part time ไปๆมาๆปีละ 2-3 ครั้งแล้วค่อยแนะนำให้เจอกัน

สักครู่หนึ่ง Jeremy ก็แวะมาดูเรา ก็เลยตามไปคุยด้วยที่ห้องพักอาจารย์ เป็นห้องเดี่ยวกว้างตื้น sofa นุ่มเตี้ยมากนั่งแล้วตัวจมไปเลย เริ่มต้นเขาก็ถามเรื่องวันหยุดว่าทำอะไรบ้าง แล้วก็ถามเราว่าเราสนใจด้านไหน ก็ตอบไปเหมือนที่เคยเขียน proposal 10 หัวข้อที่ส่งมา เพียงแต่ที่ค้างคาใจเราคือสาเหตุของความตั้งใจที่อยากจะทำวิจัยในเรื่องของกลิ่นจากโรงงานยางพาราที่เหม็นมาก เราอยากจะหาวิธีการกำจัดกลิ่นเหล่านั้น เพราะเยื้องๆมหาวิทยาลัยที่เราอยู่มี 2 โรงงานทำให้เกิดปัญหาจนเคยมีการประท้วงของนศ.และอาจารย์ที่หน้าศาลากลางจังหวัดมาแล้ว เพราะอุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานสวล.จังหวัดละเลย และเราอยู่ภาคใต้ที่มีการปลูกยางพาราและรง.ยางมีทุกแห่ง หากแก้ปัญหาได้คงดีไม่น้อย

 Jeremy ก็ฟังเรื่อยๆ และในที่สุดอจ.ส่งเอกสารมาให้ 1 ชุด 50 หน้า บอกว่าให้ไปอ่าน 1 เดือนแล้วมาสรุปให้ฟังว่าจะทำอะไร สนใจอะไร คราวหน้าจะมาเขียนว่า เอกสารปึกนั้นคืออะไร??? ทำไมแค่นั้นต้อง 1 เดือน จากนั้นก็พาเราไปดูห้อง lab ว่ามีหน้าตาอย่างไร  lab ของเราคือ 3.123 Microbiology group, School of Health & Life Science และมีนักศึกษาอยู่ในนั้นแล้วบ้าง ก็แนะนำให้รู้จัก ค่อยเขียนวันหลัง และให้เราหาที่ที่จะนั่งเองในห้องนั้น อะไรๆก็ยังไม่คุ้น ได้แต่ฟังๆๆอย่างเดียว ขนาดฟังสำเนียงอังกฤษของอาจารย์ก็ไม่คุ้น แล้วสำเนียงพูดของบ้านนอกอย่างเราอจ.ก็ไม่น่าจะคุ้น คิดย้อนหลังแล้วสงสารตัวเองและสงสารอจ.เหมือนกัน ฮิๆ อันนี้ใช้เวลาปรับตัวนานพอควรเกือบครึ่งปี จึงฟังทุกอย่างได้ และพูดได้ดีขึ้น ตอนไปสอบ IELTS ได้ 6.5 สอบครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต (เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ยากจะเชื่อ เป็นเรื่องแรงอธิษฐาน ค่อยเขียนบันทึกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ)

ด้านที่หันมา หน้าต่างชั้น 3 (นับจากล่างสุดก็ชั้น4) เป็นห้อง lab ของ research group เรา ตลอดแนว 4 ช่องหน้าต่าง


จากนั้นอจ.บอกตารางนัดพบว่าของเราเป็นทุกๆวันอังคารบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมงเป็นเวลาพบอาจารย์ เรามารู้ภายหลังว่า Jeremy เป็นคนที่ strict มากเรื่องเวลาและเป็นคนที่จัดการเวลาของลูกศิษย์ในการดูแลของเขาได้เข้มงวดมาก ทุกคนจะมีตารางนัดพบส่วนตัวหากมีปัญหาอะไรไปคุยได้เพราะชั่วโมงนั้นจะเป็นของคนๆนั้น แต่หากมีปัญหาในระหว่างนอกช่วงเวลาก็เข้าไปถามได้เช่นกัน หากไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นไร ก็มาเรียนรู้ภายหลังอีกว่านั่นคือสิทธิและโอกาสที่เขาให้ทุกคนเท่ากันแล้วแต่จะใช้หรือไม่ เพราะ Jeremy เป็นคนเก่งมากและมีงานเยอะมาก ค่อยเขียนสรุปถึง Jeremy อีกครั้ง เกี่ยวกับการจัดการ lab และ research group ของเขาที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ group ของเขาใหญ่และมี research fund มากที่สุดคนหนึ่งของ UK เลยทีเดียว เราโชคดีมากที่โดยบังเอิญได้เข้ามาใน group ที่แข็งมาก แต่ขณะเดียวกันชีวิตไม่ได้สบายเลยภายใต้คนเก่งจากทุกทิศใน lab นี้ แล้วจะทยอยๆลง ...ขนาดบอกใครๆหลายคนว่า นรกมีจริงๆ ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะพิสูจน์ตัวเองและทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อที่จะสู้กับคนเก่งใน lab นี้ แต่มันเป็นรสชาติของชีวิตที่เปลี่ยนหลายอย่างในตัวเรา ทำให้เราแกร่งขึ้น smart ขึ้น และสุขุมขึ้นเช่นกัน

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

17 Dec: จัดห้องเก็บของ

ผลของงานส่วนหนึ่งวันนี้ หุ หุ

วันนี้เช้า link จะติดตั้งไฟรับปีใหม่ ก้เลยขอความร่วมมือให้ช่วยรื้อค้นหาไฟประดับและระย้าไฟสวยรูปต่างๆที่เคยมี ไว้เตรียม Happy New Year ก็เลยได้โอกาส รื้อห้องเก็บของซะเลย clear ได้ครึ่งห้อง อานิสงค์จากข้อเขียนของคุณปริม เรื่อง 5 ส เพราะขี้เกียจจะรื้อ เสียดายเมื่อจะทิ้ง วันนี้ทิ้งเอกสารเกี่ยวกับการประชุมสภามหาวิทยาลัย 3 ปีที่ผ่านมาหมดไปเยอะมาก รวมทั้งสารพัดกล่องที่เก็บด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะนำไปใช้ ตอนนี้เลยบอกตัวเองว่าทิ้งไปเผื่อใครจะเก็บไปใช้ได้ ใส่ถุงอย่างดีไม่ให้เปียก ว่างไปเกือบครึ่งห้อง เมื่อยเลยหยุดก่อน นี่ถ้าเป็นสมัยก่อน ทำได้ถึงค่ำไม่เมื่อย แสดงว่าแก่ไป 2/3 แล้ว วา!!!

วันนี้ฝนตกหนักมาก เป็นช่วงๆ สงสัยเจ้าเต้จะไม่สบาย larna น่าจะเป็นหวัด ชงยาหอมให้กิน เขาเลียกินเองก็ Ok ตอนเย็นเข้าเมืองไปเอามังคุดมากมาย link แวะหาหมอดูขาที่เจ็บ และแวะซื้อขนมปัง พาย ย่าหมู มะม่วงเดือนห้า

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

16 Dec: เที่ยวใน GTK


เด็กที่สวนหน้าบ้าน

เช้าตั้งใจไปตรวจงานนศ. และพิมพ์เอกสารให้นศ. เสร็จงานเดียว ไม่ทันได้ตรวจงาน พี่หมวย เข้ามาคุยด้วยเสียก่อน ฝนตกหนักมาก พี่เขาเลยนั่งเป็นชั่วโมง

น้องที่โปรแกรมถามเรื่องราวหลายเรื่อง ภัยธรรมชาติ โยงมาถึงเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ เลยยืน lecture ยาววววววมาก หวังว่าเขาคงนำไปคิดและทำในสิ่งที่ดีๆ

ไป The one กับเพื่อนบ้าน ก็เห็นของสวยๆงามๆ สะกดใจให้ไม่ซื้อของมารกบ้านอีก นี่ถ้าเป็นสิบปีที่แล้ว ไม่เหลือ ซื้อเกือบทุกร้าน ตอนนี้เลยนั่งกลุ้มใจเป็นครั้งคราวกับ "ของรก" ของบ้าน จอดรถในวัด เห็นวัดกำลังซ่อมศาลาการเปรียญ และหอฉัน หลังคาหออาคารพ่อท่านเฒ่า เลยทำบุญใส่กล่องไป เขาให้เขียนชื่อจารึกอุทิศ

วันนี้ราคาทองดิ่งลงมากตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้เหลือ 23,800 บาทแล้ว


วันนี้เข้าไปคุยทักทายเพื่อนออนไลน์จากที่ๆเคยเขียนเรื่องราวจนคุ้นเคยกันใน GTK จนหมดเวลา คืนนี้เลยยังไม่ได้เขียนบล็อกของตัวเอง งานนี้เพราะอ.ขจิตแท้ๆ ทำให้สนุกสนานในนั้นเพลินไปหน่อย ออกมาก็สามทุ่มแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

15 Dec:



วันนี้สอนมลพิษสวล. ใช้ case โภปาล อินเดียเป็นตัวเดินเรื่อง และบ่ายสอน water pollution จนจบ ฝนตกหนัก เลยต้องสอนแข่งกะเสียงฝน หมดแรงข้าวต้ม  บ่ายดร." คนนั้น" หอบ anaerobic jar ที่ขโมยไปมาคืน 3ใบ  เฮ้อ กรวดน้ำไปสองปีให้เจ้ากรรมนายเวร ได้ของคืนแบบงงๆ
ให้เด็กรายงานเรื่อง Clean technology แล้วเราสรุป

เย็นนี้ไป tesco มีปัญหาเรื่อง air card ตอนซื้อ สองพันกว่าบาท บอกใช้ฟรี 9 เดือน หลังจากนั้นเติมเงิน เราใช้เวลาเดินทางได้ประมาณ 5-6 ครั้ง ในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังจากนั้นมันก็เริ่มฟ้องทุกครั้งว่าขอให้เติมเงินๆ งงๆ เอะใจว่าทำไมหมดเร็ว ไม่ได้ใช้มา 4-5 เดือนจนจะหมดอายุตามที่ระบุเดือนนี้แล้ว เลยเอาไปเติมเงิน จนท. บอกว่ายังมีเงินอยู่ เลยบอกให้ฟังว่ามันฟ้อง no connection มานานแล้ว เขาเลยบกว่าให้ส่ว aircard ไปcheck ที่หน่วยซ่อม เฮ้อ!


เวลาเห็นสัตว์น่ารักๆและธรรมชาติที่สวย อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคุณปริม ทัดบุปผา (สิงค์โปร์) ที่ถ่ายภาพสวยมาก

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

14 Dec:ยายกะเด็กคนนั้น1


วันนี้ตั้งใจมั่นต้องไปให้ทันยายเข็นหลานให้ได้ ออกจากบ้านเจ็ดโมงเช้าแล้วได้เจอสมใจ เห็นยายนั่งบนฟุตบาทริมถนนหน้าอาคารพาณิชย์  พร้อมรถเข็น และเด็กผู้ชายคนนั้น คาดว่ายายคงพักเหนื่อย ก็เลยเข้ามหาวิทยาลัยไป scan นิ้วก่อน แล้วออกมโดยตั้งใจว่าจะจอดรอด้านข้างถนนตรงที่ยายจะเข็นเลี้ยวมาแบบเมื่อวานนี้  ขณะมาไกล้ปากทางถนนก็เปิดไฟเข้าขวาเตรียมจอด ปรากฎว่าสานตาปราดไปเห็นยายยืนกลางช่องถนนที่รถกำลังติดไฟแดง เรารีบบอก link ให้เตรียมออกซ้ายเพราะวันนี้ยายไม่เลี้ยวแต่ตรงไปเข้าโรงเรียนอีกประตูด้านหน้า ปากบอกมือหยิบกล้องออกมา ยายขยับตัวเข็นอีกเพราะไฟแดงกำลังเปลี่ยน คิดในใจว่าต่อให้เปลี่ยนเป็นเขียวแต่ยายยืนขวางตรงนั้นคงไม่มีใครใจดำชนยายหรอก  นอกจากเจ้าเด็กขายคนนั้นที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน ถ่ายได้เฉียดฉิว ยายเข็นพ้นไปไฟเขียวรถเยอะ เราก็ต้องรอกว่าจะเลี้ยวได้ ยายเข็นถึงหน้าโรงเรียนพอดี เราให้ link รีบจอดเราถ่ายรูปทันที เปิดประตูรถพร้อมกับที่เด็กชายคนนั้นลงจากรถเข็นทันทีที่ยายจอด ขณะนั้นก็มีเด็กนักเรียนคนอื่นที่ผู้ปกครองมาส่งหน้าโรงเรียน ด้วยมอเตอร์ไซด์ ...เราลงเดินไปพร้อมกับที่เด็กคนนั้นเดินเข้าโรงเรียน เราเลยเดินตรงไปหายายมองในรถเข็น เห้นถังพลาสติกขนาดถังสี ใส่ผ้าดูคล้ายๆเสื้อเปียก และมีกล้วย 1 เครือ ปากไวถามยายทันที ยายกล้วยขายไหม  ยายคงงง ใครหว่า ? ยายยิ้มแล้วตอบว่ายายไม่ได้ซื้อ ถ้าจะเอาเอาหวีนี้ ว่าแล้วยายหยิบอีกหวีที่เรามองไม่เห็นข้างใต้ขึ้นมาสวยดี ถามยายว่ากี่บาท ยายก็พูดว่ายายไม่ได้ซื้อ ยายไปตัดมา เอา 10 บาทก็แล้วกัน เราไม่รู้หรอกว่ากล้วยควรจะหวีละเท่าไร แต่รู้สึกว่า 10 บาทน่าจะถูกไป  เลยเดินถือกล้วยกลับมาที่รถ เอาเงินมาให้ยาย 20 บาท ยายไม่ได้สนใจดูหรอกว่าเราให้เกิน แต่เราก็ไม่พูด แต่ถามยายว่า ยายมาทำอะไรแถวนี้ ?  ยายเงยหน้าตอบอมยิ้มพร้อมเหงื่อเต็มหน้าไปหมดว่า...............พรุ่งนี้เขียนต่อ เอารูปลงด้วย วันนี้ง่วงแล้ว วันนี้เตรียมสอนทั้งวัน พรุ่งนี้สอนๆๆๆๆ

ปากพนัง2: เส้นทางหัวไทร-ปากพนัง

ความเดิมจากตอนที่แล้ว  http://meepolen.blogspot.com/2011/12/4-dec.html  หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็มีรูปจากช่องข่าวที่ถ่ายมาให้เห็นว่าน้ำทะเลส่งคลื่นมาถล่มชาวตะลุมพุกอีกแล้ว ตรงบริเวณที่เราเข้าไปกัน และคราวนี้มีคำตอบที่วันก่อนที่ไปแล้วสงสัยว่าหัวเสาทั้งหลายมันหล่นลงมาได้อย่างไรเพราะคืดว่าหนักแล้ว เห็นภาพในข่าวของจริงจึงรู้แจ้งว่าน้ำที่ซัดเข้ามานั้นสูงเกินเสาไฟฟ้าเสียอีก ไม่หน้าเชื่อ นี่ขนาดไม่ไช่สึนามิ หรือใต้ฝุ่นอะไร เป็นเพียงมรสุมน้ำยังซัดได้สูงและแรงมากขนาดนั้น

บน เอาแผนที่ดาวเทียมแสดงแหลมตะลุมพุกมาไว้ที่นี่ด้วย ตรงปลายงอนๆนั่นปลายแหลม วันนั้นเราได้เลียบชายฝั่งช่วงสั้นๆแล้วกลับออกมาเพราะถนนไม่น่าไว้ใจ เส้นทางเลียบชายฝั่งเขาเขียนบอกว่า 6,000 เมตร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เขียนเป็นหน่วยกิโลเมตร เลยเดากันว่า หน่วยเมตรคงดีกว่าเพราะดูแล้วไกลดี หุ หุ

บน-ล่าง ตรงนี้ทั้งหมดที่เห็นเป็นแผ่นน้ำ อดีตเป็นพื้นดินทราย และเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งของชาวบ้าน ยังคงเห็นแนวคันดินที่ยื่นลงไปในหาด




บน-ล่าง รถผ่านมองไปเห็นตึกร้างหลังนี้ เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่าในอตีตไม่นานมานี่เองตรงนั้นเคยเป็นผืนดินมาก่อน คนเลยมาสร้างบ้าน แต่ตอนนี้น้ำล้นพ้นกัดเซาะมาหมดแล้ว

แนวที่พระอาจารย์ยืนดูก็เป็นแนวถนนมาก่อนจะเห็นเสาไฟฟ้าที่ยืนโด่เด่เหลือเป็นที่เตือนความจำเท่านั้นเองว่าตรงนั้นเคยเป็นผืนดิน มีแนวถนน แต่ตอนนี้น้ำกัดเซาะขึ้นมาหมดแล้ว
บนล่าง นี่เป็นส่วนของเขื่อน ที่สร้างกันดินตรงปากน้ำ(ต่อมาจากหูช้างของประตูน้ำที่อยู่คนละข้างของสะพาน) แต่ตอนนี้จมหมดแล้ว

ล่าง เป็นประตูน้ำตรงข้ามฝั่งสะพานกับแนวปากที่พังไปรูปบน



บน-ล่าง เป็นส่วนที่รัฐพยายามต่อสู้กับภัยธรรมชาติสร้างกำแพงเสาปูนกันการกัดเซาะ แต่ก็ได้ชั่วคราว คงเห็นหัวเสาแนวบนหักหล่นลงมาเป็นช่วงๆ บางบริเวณก็หายไปเลย เพราะสู้แรงน้ำไม่ไหว

ล่าง อีกหนึ่งความพยายามคือการสร้างแนวทีที่เป็นสันหินขวางแนวคลื่นเป็นช่วงๆ


ภาพบนนี้จากinternet เอามาให้ดูความพยายามของคนที่จะต่อสู้ป้องกัน ทั้งๆที่หากเริ่มต้นด้วยการดูแลรักษาธรรมชาติ ลดความเห็นแก่ได้ส่วนตัวเห็นแก่ประโยชน์แผ่นดิน สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น


แนวไม้ข้างหน้าที่เห็นนั่นเป็นส่วนที่น้ำไม่กัดเซาะ เพราะป่าช่วยกั้นยึดทุกอย่างไว้ได้แต่ความเห็นแก่ตัวของคนก็ทำลายมันไป
แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้น หลังจากกลับมาเราก็หาข้อมูลอ่าน สรุปได้ว่าไม่มีใครเอาชนะกฎแห่งกรรมได้ หรือหนีพ้น ทำร้ายธรรมชาติ สักวันหนึ่งเขาถึงขีดสุดของการทนทาน เขาย้อนกลับมาทำร้ายคนด้วยความไม่ตั้งใจแต่มันเป็นเพราะผลที่เราทำ คือ การทำลายป่าชายเลนจนหมดเป็นบริเวณเพื่อทำนากุ้ง บริเวณยังที่มีต้นไม้มากมายแนวดินยังอยู่น้ำไม่เซาะเข้ามา รัฐไม่เอาใจใส่บังคับกฎหมาย ละเลยทั้งสองฝ่าย ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากแล้ว นากุ้งมากมายสองข้างถนน ด้านที่น้ำเซาะยังมีเหลืออยู่ไม่มาก อีกไม่นานน้ำก็จะมาถล่ม อีกไม่นานปากพนังบริเวณนี้ก็จะเหมือนที่ขุนสมุทรจีน สมุทรปราการนั่นเอง